Sunday, September 1, 2013

Review Comics : 28 August 2013

เนื้อหาในรีวิวมีการสปอยเนื้อเรื่องโดยภาพรวมนะครับ

Review #1 - The Flash #23, Batman/Superman #3, Justice League #23

Review #2 Uncanny X-Men #11, X-Men #4, Scarlet Spider #21

Uncanny X-Men #11

Story 

เรื่องราวในเล่มนี้เป็นอะไรที่ซีเรียสมากๆ ทุกๆอย่างของ Scott Summer ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมด อารมณ์ความรู้สึกของเขา และเราจะได้เห็นพัฒนาการของเหล่านักเรียนใหม่ของเขานับตั้งแต่เล่มแรก ว่าหลังจากผ่านอะไรต่างๆมา พวกเขาพัฒนาขึ้นมาแค่ไหน และนอกจากนี้ในช่วงท้ายก็มีการเฉลยแล้วว่าใครกันที่อยู่เบื้องหลังในการส่ง Sentinel มาเล่นงานพวกเขา และมันเป็นการหยิบยกเอาตัวละครมาใช้ใหม่ที่คาดไม่ถึงจริงๆ

Good 

เนื้อหาเล่มนี้ค่อนข้างหน่วง เห็นพัฒนาการต่างๆที่ชัดเจนมากขึ้นเมื่อพวกเขาเข้าตาจน และที่สำคัญคือลายเส้นของ Irving ทำให้เล่มนี้เป็นอะไรที่สุดๆจริงๆ มันปลดปล่อยอารมณ์ของตัวละครออกมาได้อย่างเต็มที่

Bad 

สำหรับเนื้อหาเล่มนี้ไม่ได้ไปไหนไกลเท่าไร แต่โดยรวมเล่มนี้คือการเล่าถึงอารมณ์ของ Scott Summer มากกว่า การจ่ายบทก็โอเค แต่มันมีอยู่คนนึงที่ยังแทบไม่มีบทบาทอะไรจนต้องคิดว่า ใส่ตัวละครนี้เข้ามาทำไม (บอกตรงๆว่าผมแทบลืมชื่อไปเลย) และงานภาพของ Irving นั้นก็ดี แต่สำหรับแสงสีมันก็ให้อารมณ์มึนๆไม่ใช่น้อย จนผมคิดว่าจริงๆแล้วเขาน่าจะหานักวาดที่ให้สีสรรอะไรมาช่วยซักหน่อยนะ

Score 3.5/5 ครับ มีหักไปบางส่วน แต่ก็ยอมรับว่าเล่มนี้ค่อนข้างดีสำหรับแฟนๆ X-Men และทำให้เราค่อนข้างเห็นอกเห็นใจทีมไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับสปอยมาในเร็วๆนี้ครับ (แปลเสร็จแล้ว)



X-Men #4

Story 

เป็นเรื่องราวปิดฉากบทแรก ซึ่งจบได้อึ้งๆมากในเล่มที่แล้ว โดยเนื้อหาแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนการช่วยเหลือตัวเครื่องบินที่ Nevada โดยทีม Storm และเรื่องราวของ Wolverine, Jubilee และ Shogo โดยส่วนทีม Storm นั้นโดยหลักจะเป็นการปะทะคารมของ Storm และ Rachel ที่ไม่เห็นด้วยเรื่องที่ในเล่มที่แล้ว Storm สั่งให้ Psylocke ฆ่า Karima ทั้งคู่เลือกที่จะเปิดใจคุยกัน ซึ่งเป็นไปในโทนที่ค่อนข้างดาร์ก ทางด้าน Wolverine ก็เหมือนกับการพา Jubilee และ Shogo ไปใช้ชีวิตเป็นครอบครัวที่เด็กๆสมควรจะมี

Good 

เห็นพัฒนาการของตัวละครจากบทที่แล้ว ว่ามันส่งผลกระทบอะไรมาบ้าง และเรื่องราวของ Wolverine ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่ที่ห่วงใยเด็กๆในแบบของเขา

Bad 

งานภาพดร๊อปมาก หลังจาก Coipel ไป ผมก็คิดแล้วว่ามันอาจจะดร๊อปลง แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ การแสดงอารมณ์ของตัวละครทางสีหน้ายังไม่ค่อยดี เนื้อเรื่องเน้นไปเรื่อยๆ ไม่มีไคลแม็กส์อะไรเลย และไม่มีการบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นในช่วงท้ายบทที่แล้วอีกต่างหาก

Score 3/5 ค่อนข้างผิดหวังสำหรับนี้ มันดีช่วงเล่ม #1 และ 2 และหลังเล่ม #3 มันก็ดร็อปลงมาก อ่านแล้วไม่มีความรู้สึกว่าสนุกจนถึงขนาดน่าสนใจ ซึ่งมันทำให้ผมคิดว่าเล่มนี้จะไม่แปลครับ รอไปเข้า Battle of The Atom เลยทีเดียว


Scarlet Spider #21

Story

จากเล่มที่แล้ว แผลบนใบหน้าของเขากลับมาและมันทำให้เขาแทบคลั่ง จนทำร้ายคนอื่นๆ และคิดจะหนีไป จนกระทั่งเขาได้พบกับผู้ที่สวมชุด Ben Reilly มาอัดเขา และทั้งคู่ก็เข้าปะทะกัน โดยที่ Kaine คิดว่านั่นคือ Ben จริงๆและเริ่มเห็นภาพหลอน แต่อีกด้านเหล่าเพื่อนๆของ Kaine ในเมืองก็โดนเล่นงานโดนโดย Ana ศัตรูที่แค้นในตัว Kaine และสุดท้าย Kaine ที่คลุ้มคลั่งก็สามารถเล่นงาน คนที่สวมชุด Ben จนพ่ายแพ้ และได้เฉลยว่าที่จริงแล้วเขาไม่ได้เกิดอาการเหมือนเดิม หากแต่เป็นเพราะพิษบางอย่าง และเปิดเผยใบหน้าของผู้อยู่เบื้องหลังชุด Ben Reilly

Good 

งานภาพเล่มนี้ดีกว่าบทที่แล้วช่วง Assassin Guild มาก และฉากต่อสู้ของ Ben กับ Kaine ก็ทำได้ดี เนื้อเรื่องมีการวางปมเพิ่มขึ้น และการเปิดเผยตัวตนของผู้สวมชุดนั้นก็ทำให้เราอึ้งได้ในระดับนึงเลยทีเดียว และดูเหมือนบทนี้จะเป็นการปูทางสู่ความเป็นไปของ Kaine นับแต่นี้ต่อไป

Bad 

เล่มนี้หลักๆค่อนข้างลงตัว แต่อาจจะมีช่วงที่ Ana เข้าเล่นงานเพื่อนๆของ Kaine ที่ในตอนท้ายมันเฉลยบางอย่างจนทำให้เราที่ลุ้นมาว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น หมดลุ้นได้

Score 4/5 เล่มนี้โดยรวมดีครับ ค่อนข้างน่าติดตามต่อเลยทีเดียว ถ้าใครเป็น Kaine ผมว่าไม่น่าพลาด และมันก็เป็นสิ่งที่จะพิสูจน์ว่า Scarlet Spider จะได้อยู่ต่อ หรือไปพร้อมๆกับ Venom ที่โดนยกเลิกไปแล้ว


The Flash #23

Story 

จากเล่มที่แล้ว The Flash สามารถโต้กลับ Reverse-Flash ได้ และทั้งคู่ได้เข้าปะทะกันเต็มกำลัง โดยมี Elias เป็นตัวแถม และทางด้าน Iris ก็ทราบแล้วว่าใครคือคนร้าย และนั่นทำให้เธอช็อกมาก จนพลัง Speed Force ในตัวเธอได้แสดงออกมา การต่อสู้ของ The Flash และ Reverse-Flash ดำเนินไปถึงนอกเมืองและสุดท้าย Reverse-Flash ก็แย่งปืนของ Elias มาใช้ และยิงใส่ The Flash แต่ Iris มารับแทน จนทำให้ทั้งคู่แทบคลั่งที่เห็น Iris โดนยิง และ Reverse-Flash แสดงให้เขาเห็นว่าเขาคลั่งยิ่งกว่า จนสามารถเล่นงาน The Flash ได้สำเร็จ และดูดกลืนพลังของเขา เพื่อย้อนทุกๆอย่างให้กลับมาเหมือนเดิม

Good 

เนื้อหาเป็นไปอย่างรวดเร็วสมชื่อ The Flash ฉากการต่อสู้ของ The Flash และ Reverse-Flash ให้อารมณ์มากๆ ไม่ได้อ่านอะไรแบบนี้ใน The Flash มานานแล้ว การนำเสนอต่างๆเป็นไปอย่างลงตัว และขอบอกเลยว่าแค่ที่ผมบอกเนื้อเรื่องด้านบน มันเทียบกับการอ่านในเล่มไม่ได้เลย

Bad 

ไม่มีครับ เล่มนี้มันสุดๆจริงๆ ถึงจะเหลือปริศนาบ้าง แต่ทุกๆอย่างก็จะต่อไปยัง The Flash 23.2 Reverse-Flash ที่คาดว่าจะเฉลยทุกๆอย่าง

Score 5/5 ยอดเยี่ยมจริงๆสำหรับเล่มนี้ แม้ภาพจะไม่ได้สวยสุดๆหรืออะไร แต่การนำเสนอก็ทำให้มันออกมา Epic เกินกว่าที่คิดไว้เยอะมาก


Batman/Superman #3

Story

เล่มนี้เรื่องราวส่วนใหญ่เน้นไปที่ส่วนของ Batman/Superman Earth-2 มีการบอกถึงตัวตนของ Trickster ว่าชื่อจริงๆของเธอ คือ Kaiyo และ Darkseid ก็ย้ำว่าเขาจะมายังโลก Earth-2 ในไม่ช้า มีการบอกเล่าเรื่องราวในสมัยเด็กของ Bruce และ Clark ที่ฟาร์มใน Smallville และการร่วมมือกันของ Batman/Superman ทั้งสองโลกในตอนท้าย เพื่อจัดการกับคริสตัลที่เป็นอาวุธทำลายล้างจากดาวคริปตัน

Good

เรื่องราวมีการนำเสนอจุดเราที่ต้องการจะเห็นจริงๆ ความสัมพันธ์ที่เชื่อใจกันและกัน พูดคุยกันอย่างมีเหตุผลของ Batman และ Superman เรื่องราวในสมัยเด็กของ Clark และ Bruce มันทำให้เราคิดถึงเรื่องราวของเพื่อนสนิทคู่นี้จนคิดถึงยุค Pre New 52 ได้เลย และเรื่องราวก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว มีการเชื่อมปมกับ Earth-2 อีกเล็กน้อย

Bad 

ภาพของ Jae Lee นั้นเรียกได้ว่างานศิลป์ แต่การแสดงอารมณ์ของตัวละครมันไม่ค่อยจะดีเท่าไร ต้องใช้การอ่านจากคำพูดของตัวละครเอาทำให้บางส่วนขาดอารมณ์ร่วมที่ควรจะมีในบทนี้ไปบ้าง

Score 4/5  เนื้อเรื่องน่าติดตาม และทำให้แฟนๆ Batman/Superman รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้อ่าน มันทำให้อารมณ์เก่าๆของคู่นี้กลับมา ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องราวของโลก Earth-2 ก็ตาม


Justice League #23

Story 

จากเล่มที่แล้ว เหล่า JL ทั้ง 3 League ได้มารวมตัวกันที่วิหารที่ขัง Xanadu ไว้ และเข้าแย่งชิงกล่อง Pandora ซึ่งส่งผลกระทบให้เหล่าฮีโร่ยกพวกตีกันเอง และปลดปล่อยเบื้องลึกในใจออกมา การต่อสู้ดำเนินไปจนกระทั่ง Wonder Woman เข้าปะทะกับ Superman และ Superman ได้ล้มลงไป และ Element Woman กับ Firestorm ได้บอกความจริงที่ว่า มันมี Kryptonite อยู่ในหัวของ Superman และคนที่ทำแบบนั้นก็คือ Atom และเธอก็เฉลยว่าเธอนี่แหละคือหนอนในลีคส์ จากนั้นเธอก็เปิดโปรแกรม Grid โปรแกรมไวรัสของ Cyborg ให้เข้าเล่นงานพวก JL จากนั้น Outsider ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดก็ทำการเปิดกล่อง Pandora พร้อมเฉลยว่า มันมีถูกสร้างขึ้นมาบนโลกของพวกเขา และถูกทิ้งไว้ที่นี่ จึงมีเพียงคนของพวกเขาเท่านั้นที่จะเปิดมันได้ และมันคือประตูมิติที่เชื่อมต่อไปยัง Earth-3 และท้ายที่สุดเมื่อมันเปิดออก ก็คือ การมาของ Crime Syndicate ที่จะยึดครองโลกใบนี้

Good

เนื้อเรื่องเล่มนี้คือการพลิกผันบทบาทที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ทำเอาเนื้อเรื่องช่วงที่ผ่านมาซึ่งน่าเบื่อ, มึนงง ถูกกลบไปจนหมด มัน Epic ในตัวมันเองสมกับที่เป็นบทสรุป ปมต่างๆถูกเฉลย และเหนือคาดกับการมาของ Grid และการมาของ Crime Syndicate ก็ทำให้เราต้องการอ่าน Forever Evil มากขึ้นจริงๆ และสุดท้ายคืองานภาพของ Ivan Reis ที่ทำให้การนำเสนอเป็นไปอย่างอลังการสมการรอคอยจริงๆ

Bad 

สำหรับเล่มนี้ ข้อเสียสำหรับผมไม่มีครับ มันไหลลื่นมาก ด้วยงานภาพและเนื้อเรื่องทำให้เล่มนี้เป็นการนำเสนอที่ยอดเยี่ยม

Score 5/5 ตอนแรกๆผมก็เอือยๆเรื่อง Trinity War ไปแล้ว แต่เล่มสุดท้ายนี่ผมก็คาดหวังเรื่องไว้เยอะ และหลังจากอ่านแล้ว ก็บอกได้เลยว่า ไม่ผิดหวังครับ และเกินคาดจริงๆ มันคือที่สุดของอีเวนต์นี้ที่ผมต้องการเลย และตอนนี้แทบจะรออ่าน Forever Evil ไม่ไหวเลยทีเดียว


เว้นไปอาทิตย์นึง ข้ามมาอาทิตย์นี้เลย ซึ่ยอมรับว่า DC ดึงเอาความน่าสนใจได้เยอะจริงๆ ของ Marvel จากที่อ่านมามีที่ทำให้สนใจได้ไม่มากเท่าไร เพราะมันปล่อยๆออกมาในอาทิตย์ที่ผ่านๆมาไปซะเยอะ ด้วย

2 comments: