Superior Spider-Man #4

Superior Spider-Man #4 : The Aggressive Approach
เรื่องโดย : Dan Slott
ภาพโดย : Giuseppe Camuncoli
วางจำหน่าย : 20 กุมภาพันธ์ 2013
สำนักพิมพ์ : Marvel Comic

เมื่อฆาตกรสังหารหมู่หลุดออกมา Dc.Ock จะทำอย่างไร? 

และตอนท้ายศัตรูเก่าของ Peter กำลังจะกลับมาอีกครั้ง!!

Massacre : Macus Lyman ได้รับบาดเจ็บทางสมอง จากการช่วยเหลือ Peter จากรถติดระเบิดที่หน้าออฟฟิซของเขา จนทำให้เกิดเป็นความวิตกจริต ส่งผลโดยตรงต่อต่อมมนุษย์สัมพันธ์, ศีลธรรมและจริยธรรมของเขา ซึ่งก็คือมันไม่มีอะไรที่จะทำให้เขาเสียใจหรือตรึกตรองต่อสิ่งที่ทำลงไป และเหตุการณ์ล่าสุดเขาได้สังหารคนเป็นจำนวนมาก แต่ก็ได้ Spider-Man ช่วยไว้จากการถูกหน่วย SWAT ยิงใส่ เพราะเขาได้ปฏิญาณไว้ว่าจะไม่ให้ใครต้องตายอีก แม้จะเป็นคนร้ายก็ตาม

ที่ดาดฟ้าแห่งหนึ่ง Dc.Ock กระจายเหล่าหุ่นแมงมุมสังเกตการณ์นับพันของเขาออกไป เพื่อช่วยเหลือเขาดูแลเมืองนี้

“ฉันใช้เวลาหลายเดือนอยู่ในหัวของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ และฉันได้ค้นพบถึงสี่งที่เขาต้องการ”
“เขาช่างเป็นชายที่มีวิสัยทัศน์แคบมาก ไม่มีการวางแผน หรือจัดตารางใดๆทั้งสิน แค่มุ่งหน้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งแบบไปเรื่อย”
“แต่นั่นมันไม่ใช่สำหรับฉัน”

และมันช่วยให้เขาจัดการเรื่องๆต่างได้ดียิ่งขึ้น ทั้งการจัดการพวกโจรขโมยเพชร หรือเหล่าลูกน้องตัวน้อยๆของ Vulture ที่เหลืออยู่ พวกโจรกระจอกเองก็เริ่มที่จะหวาดกลัวเขามากขึ้น

แต่ในขณะที่เขากำลังจะไปช่วยเหลือเหตุไฟไหม้ที่ได้รับแจ้งมา เมื่อเขามองดูนาฬิกาก็พบว่ามันมีสิ่งที่สำคัญกว่าที่เขาต้องไปทำ และตอนนี้เขาก็ทำการช่วยเหลือไปเยอะเกินกว่าที่ Peter เคยทำมาแล้วด้วย ในขณะที่ Peter ที่อยู่กับเขาก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะไปไหน

Peter : นายจะไปไหนเนี่ย เมื่อนายเป็นสไปเดอร์แมนนายจะไปวัดด้วยปริมาณไม่ได้นะเฟ้ย นี่นายคิดจะเป็นฮีโร่จริงๆหรือเปล่าเนี่ย นายได้รับคำปฏิญาณไปแล้วนา ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่อ่ะ...
“มันมีเสียงบ่นจู้จี้ในหัวของฉันที่พยายามทำฉันหันหลังกลับไป”
“แต่ช่างมัน มันยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องไปทำ เพราะฉันได้รับความรับผิดชอบนั้นมา”

และสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการพาป้าเมย์มาทำกายภาพบำบัดนั่นเอง ซึ่ง Peter ก็ยอมรับว่าคราวนี้ทำให้เขาเป็นห่วงยิ่งกว่าคราว MJ ซะอีกว่า Dc.Ock จะมีแผนอะไร หลังจากที่หมอเข้ามา Dc.Ock ก็เข้าไปถามถึงโอกาสที่ป้าเมย์จะกลับมาเดินได้อีกครั้ง แต่หมอก็บอกว่าเธอแก่เกินไปแล้ว และการใช้ไม้เท้าค้ำนั้นดูจะดีที่สุดสำหรับเธอ และ Dc.Ock ที่ได้ยินก็ไม่ค่อยพอใจกับคำตอบนัก

เขาคิดอยู่แล้วว่าสิ่งที่หมอคนนั้นทำได้เทียบไม่ได้กับเขา และตรงกลับมาประดิษฐ์อุปกรณ์ใหม่ของเขา และเขาก็เรียกตัว Max หัวหน้าของ Horizon Lab มา ซึ่งแน่นอนว่า Max ไม่ชอบใจนัก เพราะเขาเป็นหัวหน้าไม่ควรจะถูกเรียกตัวมาแบบนี้ แถมหน่วยงานก็มีระเบียบและขั้นตอนที่การทำงานจะต้องเป็นกระบวนการ แต่แน่นอนว่า Dc.Ock ไม่สนเรื่องแบบนั้น และนำเสนออุปกรณ์ของเขาทันที มันมีคือเครื่องช่วยเหลือผู้พิการ ด้วยการเชื่อมต่อระบบประสาทที่จะทำให้คนที่ได้รับบาดเจ็บกลับมาเดินได้อีกครั้ง และเขาจะให้ป้าเมย์เป็นคนทดลองคนแรก ทำเอา ทั้งสามคนที่ฟังอยู่อึ้งไปตามๆกัน เรื่องที่จะให้คนมาเป็นหนูทดลอง และโดนสมาชิกอีกคนตอกกลับไปว่าเขาเป็น Dr.Frankenstein หรือไงกัน Dc.Ock จึงสวนว่า Dr.Peter Parker ต่างหาก และจำไว้ด้วย

แต่ในทันใด Max ก็บอกเลยว่าเขาไม่ใช่ “หมอ” หรือ “ศาสตราจารย์” นะ เพราะจาก Resume ที่เขาได้รับมามันไม่มีอะไรมารองรับแบบนั้น และด้วยสถานการณ์แบบนี้ทำให้ Peter ดีใจสุดๆที่ Dc.Ock โดนดีบ้างแล้ว จากนั้น Dc.Ock ที่ยังไม่ยอมแพ้ได้เข้าไปดูในความทรงจำของ Peter

Dc.Ock : สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย, สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมต้น, เครดิตสั้นๆ, ไม่มีแม้แต่ธีซิส, ฉันไม่เคย...
Dc.Ock : ไม่! ฉันไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้...
“ฉันได้รับปริญญาเอกตั้งแต่ฉันอายุแค่ 16”
“ปีเตอร์?! แกทำอะไรกับชีวิตของตัวเองเนี่ย”
(ก็เล่นบทฮีโร่ช่วยคนไง)

และ Dc.Ock ที่คลั่งก็ทุบทำลายอุปกรณ์ของตัวเองก่อนจะวิ่งออกไปด้วยสีหน้าอยากจะร้องไห้ ทิ้งให้พวก Max อยู่กับหุ่นของเขา

“ฉันเป็นศาสตราจารย์นะ บ้าเอ๊ย ฉันเป็นศาสตราจารย์นะว้อยยยยยยย”

(อันนี้ไม่แน่ใจเท่าไรว่าจะใช้ไรดี แต่ Dc.Ock บอกว่าตัวเองจบปริญญาเอก ผมจึงขอใช้ศาสตราจารย์ดีกว่า)

ที่คุก Ravencroft
Dr. Ashley Kafka ได้เข้ามาพบกับผู้ต้องหาที่วิตกจริตซึ่งถูกขังอยู่ภายในนี้ ซึ่งที่นี่เป็นที่คุมขังของเหล่าวายร้ายที่มีพลังพิเศษ และชายคนนี้เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น แต่ Dr.Ashley ก็บอกว่าเขาคิดผิดแล้ว

Dr.Ashley : สมองของมาร์คัส ลีแมนนั้นได้รับการกระทบกระเทือนโดยตรง ทำให้เขาไม่สามารถที่จะจำแนกคุณค่าของสิ่งมีชีวิตได้

จากนั้นเธอก็เข้าไปด้านใน และพบกับร่างที่ตายไปแล้วของยามที่ควรจะอยู่หน้าห้อง นั่นหมายความว่า ยามที่อยู่ด้านนอกนี่แหละคือ Massacre มันลงมือสังหารยามอีกคนที่คุ้มกัน Dr.Ashley ในทันที ซึ่งเธอพยายามร้องขอชีวิต และบอกว่ามันยังต้องการเธอในการออกไปจากที่นี่ แต่มันก็บอกว่ามันไม่ต้องการเธออีกต่อไปแล้วต่างหาก

ทางด้าน Dc.Ock ก็ตรงออกมาจาก Horizon Lab มายังมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาได้ใช้ฐานะของ Spider-Man บริจาคให้แก่ Peter Parker ในการเข้าเรียนที่นี่ (มาเรียนเอาปริญญาเอก) และเมื่อเข้าคลาสครั้งแรกเขาก็พบกับ เพื่อนเก่าของเขา Dr.Lamaze ซึ่งเจอกันเพียงครั้งแรกเขาก็ปากพล่อยเรียกเพื่อนเก่าคนนี้ว่า “นายจมูกโต” ทำเอาเป็นความประทับใจครั้งแรกที่จะลืมไม่ลงเลยทีเดียว แล้วจากนั้นเขาก็ได้รับการติดต่อจากสำนักนายกโดยตรง เพราะมีเหตุด่วนต้องการเขา

เมื่อเขามาถึงยังคุก Ravencroft ก็พบกับเหล่าตำรวจที่กำลังชันสูตรศพ ซึ่งมีคนตายไปกว่า 8 คน และ J.J. ก็โทษเขาเพราะคราวที่แล้ว Peter สัญญาว่ามันจะไม่หลุดออกมาและไม่ได้ฆ่าใครอีก ดังนั้นเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะ Spider-Man เต็มๆ Dc.Ock ที่ไม่รู้เรื่องก็พยายามปฏิเสธ แต่ในที่สุดเขาก็ยอมรับผิด และเมื่อมองลงไปก็พบกับศพของ Dr.Ashley ที่นอนตายอยู่บนพื้นพร้อมโดนควักลูกตาออกไปเพื่อใช้แสกนม่านตา และ Peter ก็เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

Peter : นี่เป็นความผิดของฉันเอง ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ต้องเอาการควบคุมร่างกลับคืนมา และตามหาเจ้าฆาตกรนั่น –แล้วนำเขากลับสู่ความยุติธรรมอีกครั้ง ฉันขอสาบานว่าจะไม่มีใครต้องตายอีกแล้วในวัน...

แต่ Dc.Ock ไม่คิดแบบนั้น

Dc.ock : นั่นมันไม่ใช่แค่ชีวิตของผู้บริสุทธิ์ชีวิตเดียวเท่านั้น และผมก็โง่เองที่ยอมปล่อยเจ้าคนบ้าแบบนั้นให้มีชีวิตอยู่! มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก! ผมจะให้คำสัญญากับคุณ เจมสัน ว่าผมจะจัดการไอ้หมอนี่ซะ!!
Dc.Ock : แล้วตอนนี้ไอ้หมอนั่นมันอยู่ที่ไหน?! เจ้าฆาตรกรนั่นมันอยู่ที่ไหนกัน?!

Massacre อยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ณ จุดพักรถ เขานั่งดูดน้ำพร้อมจ่อปืนไปยังเหล่าผู้คนที่นั่งอยู่ และมันได้ตั้งกฎไว้ว่า ให้ทุกคนเอากุญแจรถวางไว้ที่พื้น พร้อมกระเป๋าเงิน แล้วจากนั้นเขาจะล็อคประตูไว้และไม่มีใครต้องตาย ที่เขาต้องการก็แค่ อาหารหนึ่งมื้อ รถของพวกเขาหนึ่งคัน และจากนั้นเขาก็จะไป และมันก็แค่นั้น แต่พยายามอย่าทำตัวเป็นฮีโร่ไม่งั้น....
แต่มันสายเกินไป เมื่อพนักงานไม่ได้ฟังที่มันพูดพร้อมกดสัญญาณเตือน และนั่นทำให้มันถือว่าเป็นการแหกกฎ

Massacre : พวกนายควรจะรู้ไว้นะ ว่าปืนกระบอกนี้ไม่ได้ฆ่าใคร และฉันก็ไม่ได้ฆ่าใครด้วย แต่เจ้าหมอนี่ต่างหากที่ทำ เพราะมันแหกกฎไงล่ะ

จากนั้นมันก็สาดกระสุนเข้าใส่เหล่าผู้คน เลือดสดสาดกระเซ็นไปทั่ว และเขาเหลือแม่ลูกคู่นึงไว้เพื่อเป็นตัวประกันของเขา

ทางด้าน Spider-Man ก็มาหา Jackson (เพื่อนของ Peter ที่ Horizon Lab ที่หัวโล้นๆ) และขอให้เขาช่วยลงโปรแกรมตรวจจับใบหน้าให้แก่หุ่นยนต์ของเขา และบอกว่าเขารู้ว่า Jackson เคยทำอะไรไว้ และเขาจะไม่บอกใครถ้าช่วยงานเขา ซึ่งเรื่องนี้ด่วนมากเพราะเขาต้องการใช้มันตามหาตัว Massacre ก่อนที่มันจะฆ่าใครอีก

ทางด้าน Massacre ก็มาถึงใจกลางเมืองปล่อยคู่แม่ลูกไป และคิดจะแฝงตัวเข้าฝูงชน โดยไม่ลืมบอกให้เธออย่าบอกใคร และถ้าเขาตามไปและเห็น เขาจะกราดยิงเธอทั้งคู่รวมไปถึงคนอื่นๆด้วย

และอีกด้านนึง เหล่านกน้อยของ Vulture ที่รอดอยู่ก็กำลังลำบากเพราไม่มีที่ซุกหัวนอน เมื่อหุ่นแมงมุมสอดแนมไปทั่วเมือง และพวกเขาก็ถูกพบเข้าจนหวาดกลัวจะโดนตามเล่นงาน แต่แล้วมันกลับโดนเหยียบเข้าเต็มๆ

??? : ไม่มีทาง ไอ้หมอนั่นจะไม่ได้ขยายอิทธิพลหรืออาณาเขตไปไหนอีกแล้ว เพราะมันยังมีใครบางคนที่สามารถปกป้องพวกแกให้ปลอดภัยจากสไปเดอร์แมนได้ไงล่ะ ใครบางคนที่รู้กลวิธีของมันทุกอย่าง รวมไปถึงการจัดการมันทั้งหมดด้วย
Green Goblin : และไอ้เจ้าคนเก่งๆแบบนั้น มันก็ต้องเป็นฉันอยู่แล้ว

ปัญหากำลังรุมเร้า Superior Spider-Man ยิ่งขึ้น เมื่อ Massacre หลุดออกมาสังหารคนเป็นจำนวนมาก มันย่อมเป็นเป้าหมายหลัก หากแต่ว่าในเงามืด Green Goblin ได้กลับมาแล้ว แต่ทุกๆอย่างจะเป็นอย่างที่มันคิดงั้นหรือ

ในเมื่อ Spider-Man คนนี้ ไม่ใช่ Peter Parker อีกต่อไปแล้ว

ติดตามตอนต่อไป

การปรากฎตัวครั้งแรกของ Massacre : Amazing Spider-Man : Big Time ช่วงความเห็นที่ 61 ลงมา โดยคุณ lucaman ครับ

เล่มนี้มาช้าหน่อยนะครับ พอดีช่วงนี้ธุระเยอะ สปอยก็คงลงมานานๆที ในช่วงนี้ เล่มหน้าก็มาลุ้นกันว่า Dc.Ock จะทำยังไงกับ Massacre มันจะได้ฆ่าใครหรือไม่ แล้วเขาจะจบชีวิตของมันลงจริงๆหรือเปล่า หรือ Peter จะยึดร่างกายตัวเองกลับมาได้ก่อนที่จะเกิดเรื่องแบบนั้น รวมไปถึง การกลับมาของ Green Goblin นี่น่าสนใจทีเดียว Dc.Ock จะทำอย่างไรกับศัตรูตัวฉกาจของ Spider-Man อย่างเขาคนนี้

ที่นี่จะจัดพวก categories ลำบาก ผมจึงขอเพิ่ม Tag เป็น Spoil กับ Short-Spoil เข้าไปนะครับ จะได้สามารถเลือกอ่านได้สะดวกๆ เวลาอยากจะอ่าน

วันนี้คงทิ้งไว้แค่นี้ สปอยตอนเก่าๆสามารถกลับไปอ่านได้ที่ : Bank Genesis Wordpress : Superior Spider-Man นะครับ