Sunday, June 25, 2017

Amazing Spider-Man #25

Amazing Spider-Man #25


ถึงเวลาไล่ล่าศัตรูตัวฉกาจ Norman Osborn!! 

แต่ทว่าการไล่ล่าครั้งนี้กลับทำให้เขาได้พบกับคนที่ควรจะตายไปแล้ว?!


Spider-Man, Tarantula, Devil Spider กับ Mickingbird และหน่วยชิลด์ได้บุกเข้ามามาในรังลับของ Norman Osborn ตามข้อมูลที่ Spider-Man ได้มาจาก Kingpin (ช่วงจบ Clone Conspiracy)


และพวกเขาก็พบกับกองกำลับสวมหน้ากาก Goblin จริงๆ


ที่ด้านบนใครบางคนกำลังลงมืออยู่เช่นกัน แต่กลับมีกลุ่มคนที่รู้สึกถึงแผ่นดินไหวจากการลงมือของ Spider-Man และมาพบเข้า เพื่อไม่ให้มีคนถูกลูกหลงจากเรื่องนี้และทำให้แผนการของเธอเสีย หญิงสาวปริศนาจึงได้ยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อไล่พวกเขา


ทางด้าน Spider-Man นั้นพวกเขาสามารถจัดการเหล่าลูกสมุน Goblin ลงได้ แต่วันนี้ Spider-Man แตกต่างจากวันก่อนๆ เพราะเขาไม่เล่นมุกและจริงจังกว่าปกติ จนคนอื่นๆสัมผัสได้ ซึ่ง Spider-Man ก็บอกว่าเขาผ่านอะไรมาเยอะ และรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรได้ ตอนนี้เขาต้องการตัว Norman Osborn ให้เร็วที่สุด

แต่ทางพวก Devil Spider ไม่รู้ว่าเขาพูดถึงอะไร เพราะพวกเขาแค่มาจัดการกลุ่มอาชญากรที่ขายยาและปืนที่ผิดกฎหมายเท่านั้น Spider-Man จึงอธิบายว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้คือ Norman Osborn ซึ่งเปลี่ยนหน้าและชื่อของตัวเอง พวกเขาต่อสู้จนกระทั่งคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าได้ปรากฎตัวออกมา และ Spider-Man ก็คิดว่าเขานี่แหละคือ Norman


แต่ก่อนที่จะได้จัดการอะไรต่อ ระเบิดที่ถูกหญิงสาววางไว้ก็ระเบิดขึ้น


ซึ่งส่งผลให้รังลับใต้ดินได้รับผลกระทบไปด้วย Spider-Man ได้ค้นหาระเบิดฟักทองจากเหล่าลูกสมุนที่สลบอยู่ และบอกให้ Devil Spider-Man, Tarantula กับเจ้าหน้าที่ชิลด์พาพวกลูกสมุนออกไปก่อนที่จะถูกฝังอยู่ด้านล่างนี้ ส่วนเขาจะไล่ตามไปจับ Norman ให้ได้ Mockingbird ที่ไม่ยอมปล่อยเขาไปคนเดียวก็ขอตามไปด้วย


Spider-Man สามารถตามจับตัวหน้าได้สำเร็จ แต่พวกเขาก็เจอทางตัน โชคดีที่ Spider-Man อ่านภาษาสเปนออกจึงมุ่งหน้าไปยังสระน้ำ และใช้ระเบิดฟักทองระเบิดด้านล่างของสระเพื่อให้พวกเขาถูกพัดไหลไปตามน้ำที่ไหลออกไป ในระหว่างนี้ Spider-Man ก็บอกให้คนอื่นปิดปากไว้ เพราะถ้าเขาคาดไม่ผิดพวกเขาจะหลุดมายังท่อบำบัดน้ำเสียนั่นเอง


หลังจากจบเรื่อง Spider-Man ก็ต้องผิดหวัง เพราะคนที่เขาจับมาได้นั้นไม่ใช่ Norman Osborn แต่เป็นวายร้าย El Facoquero ที่ทางสเปนต้องการตัวซึ่งมีหลักฐานจากการตรวจสอบลายนิ้วมือ และ Spider-Man ก็โมโหจนทุบโต๊ะที่นั่งอยู่จนแหลก ทาง Fury ได้บอกว่ายังมีใครบางคนที่ใช้หน้าของ Facoquero และเดินทางทำสัญญาขายอาวุธไปทั่วโลก Spider-Man มั่นใจว่าชายคนที่ว่าคือ Norman แน่นอน และมันจะทำให้พวกเขาได้เปรียบ เพราะตอนนี้ Norman จะไม่มีทางรู้ว่าพวกเขากำลังไล่ตามอยู่


อีกด้านนึง Norman Osborn ก็ได้รับทราบข่าวว่า Facoquero ถูก Spider-Man จับตัวได้ ใบหน้าที่ใช้อยู่จึงไม่มีประโยชน์อีกแล้ว เขาจึงเดินทางลงไปหา Doctor Dragovic เพื่อเปลี่ยนใบหน้าของตัวเองอีกครั้ง ซึ่งหนนี้เขาคิดว่าอาจจะถึงเวลาที่ใช้ใบหน้าเก่าและเดินทางกลับบ้านแล้วก็เป็นได้


หลังจากที่จบปัญหา Peter ก็เดินทางกลับบ้านเช่นกัน เขายังคุยกับ Mocking Bird เรื่องการดำเนินการขั้นต่อไป ซึ่งชิลด์พบว่า Facoquero มีการซื้อขายในหัวเมืองใหญ่ 5 เมือง Peter จึงคิดที่จะลองตรวจสอบดูไปเรื่อยๆ โดยเริ่มจากฮ่องกงที่ Unble Ben Foundation กำลังจะจัดการงานที่นั่นพอดี เขาจะได้ใช้มันเป็นข้ออ้างในการเดินทางไปได้

หลังจากเครื่องลงจอด Peter ก็ให้คนขับพาเขาไปยังสุสานของลุงเบ็น เพื่อระบายความในใจที่เขาอัดอั้นและไม่สามารถบอกใครได้ให้ลุงของเขาฟัง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่องล่าสุดของ Ben Reilly

Peter : บางครั้งการเป็น สไปเดอร์แมน ก็เป็นเรื่องที่สร้างความสนุก, งี่เง่า, แปลกประหลาด และบางครั้งมันก็สร้างความเจ็บปวด

Peter : ผมเจอกับครอบครัวสเตซี่อีกแล้ว ทั้งจอร์จ... และเกว็น

Peter : โจนาฮ์กับไรโนเองก็ด้วย พวกเราได้รับคนที่เรารักกลับมาเพื่อที่จะได้มองเห็นพวกเขาต้องตายไปอีกครั้ง

Peter : ถ้าเป็นลุงจะทำยังไงหลังจากเจอเรื่องพวกนี้?


เมื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นออกมาเสร็จ เขาก็เดินทางไปหาป้าเมย์ พร้อมขอโทษที่เขาต้องไปทำธุระและไม่ได้มาหาเธอเสียนานโดยเฉพาะในช่วงเวลาหลังจากที่ป้าเพิ่งจะเสียสามีอีกคนไป ป้าเมย์นั้นเข้าใจว่า Peter ยุ่งมากเนื่องจากเขามีบริษัทเป็นของตัวเองแล้ว เรียกได้ว่ายุ่งกว่าสมัยก่อนอีกด้วยจนบางครั้งเธอก็อยากให้ทุกๆอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม

เพื่อนๆของ Peter – Harry Osborn กับลูกชายและ Betty ได้มาอยู่เป็นเพื่อนป้าเมย์ พวกเขากล่าวทักทายกันก่อนที่ Peterจะขออนุญาติจากป้าเมย์ให้เขาเดินทางไปในงานของ Unble Ben Foundation แทนที่เธอ เพราะเขาคิดว่าเธอควรจะได้เวลาพักผ่อนเพิ่มอีกหน่อย ซึ่งป้าเมย์ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เมื่อคุยกันเสร็จ Peter ก็ฝากให้ Harry ช่วยดูแลป้าเมย์ในระหว่างที่ตนไม่อยู่


ในระหว่างที่คุยกัน Harry ได้บอกว่า Betty นั้นต้องการความช่วยเหลือ Peter จึงหาโอกาสคุยกับเธอดู Betty ได้บอกว่าเธอได้รับข้อความจาก Ned อดีตสามีของเธอที่ตายไปแล้ว มันทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวลอย่างมากเรื่องนี้ Peter เข้าใจว่านั่นคือโคลนของ Ned ที่น่าจะสลายไปแล้วในตอนนี้ ก่อนที่จะตายคงจะโทรหา Betty เขาจึงพยายามปลอบ Betty ว่าจะลองตรวจสอบดู และเรื่องนี้ก็ทำให้ Peter คิดหนักกว่าเก่า

“ทุกๆอย่างในชีวิตการเป็นสไปเดอร์แมนของฉัน... มักจะทำร้ายคนรอบข้างของฉันเสมอ”

“มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก มันถึงเวลาที่ฉันจะยุติเรื่องไร้สาระพวกนี้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นแล้ว!”


หลังจากนั้น Peter ก็ไปพบกับ Bobbi ที่สนามบินเพื่อเตรียมบินไปฮ่องกง และที่คราวนี้เขาไม่ใช้เครื่องบินส่วนตัวเพราะต้องเอามันไปซ่อบำรุงเนื่องจากใช้งานมันอย่างหนัก ก่อนขึ้นเครื่องทั้งคู่ก็คุยกันถึงประสบการณ์เลวร้ายที่เคยเจอๆกันมา โดย Bobbi เป็นฝ่ายชนะไป

บนเครื่อง Peter ที่กำลังชวน Bobbi คุยก็พบว่าป้าเมย์กับ Harry ได้ตามเขาขึ้นเครื่องมาด้วย จน Peter เริ่มเป็นห่วงงานไล่ล่า Norman ในครั้งนี้


เมื่อไปถึงฮ่องกง Peter ก็ส่ง Harry กับป้าเมย์ขึ้นรถและบอกทั้งคู่ว่าเขากับ Bobbi จะไปเคลียร์งานสำคัญอีกอย่างก่อนแล้วจะตามไป เขาได้ส่งข้อความไปหา Min-Wei ผู้ดูแล Parker Industries สาขาเซี่ยงไฮ้ว่าให้ดูแลทั้งคู่ดีๆ เมื่อส่งทั้งคู่แล้ว Peter กับ Bobbi ก็เปลี่ยนชุดเพื่อออกไล่ล่า Norman Osborn กันต่อ


พวกเขาสามารถสาวไปจนถึงองกรค์ใต้ดินในฮ่องกงได้ และพบกับกล่องสินค้าที่เต็มไปด้วยระเบิดฟักทอง Peter จึงแน่ใจว่า Norman ต้องอยู่ที่นี่ จึงกระชากคอเสื้อของหัวหน้าองกรค์ขึ้นมาถาม พร้อมบอกว่าถ้าโกหกสัมผัสแมงมุมจะรู้ได้ (แน่นอนว่า Peter รู้ว่ามันไม่ได้ใช้แบบนั้น) หัวหน้าคนนั้นจึงบอกว่า Norman แฝงตัวเข้ามาโดยใช้งานอีเวนต์นึงบังหน้า ซึ่งมันก็คืองาน The Uncle Ben Foundation ที่จัดขึ้นที่นี่นั่นเอง

*ในช่วงนี้มีมุกที่ Peter กังวลกับการไล่อัดแต่คนเอเชียด้วย เพราะที่แล้วมาเขาจะได้สู้กับคนหลายชาติพร้อมๆกันตลอด มีแต่หนนี้ที่ได้แต่อัดคนเอเชียจนรู้สึกผิด


Peter รีบบึ่งกลับไปยังที่นั่นในทันที แต่เนื่องจากสถานที่จัดงานอยู่คนละเมืองทำให้พวกเขาต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะไปถึง Peter จึงต้องบ่นอีกรอบว่านี่แหละ “โชค (ร้าย) ของปีเตอร์” ของจริง

ในงาน Norman ได้สังเกตเห็นป้าเมย์ ซึ่งเขาได้มาด้วยใบหน้าใหม่ทำให้แน่ใจว่าเธอจดจำเขาไม่ได้ เขาคิดที่จะเข้าไปหาเธอ แต่ก็ถูกหยุดไว้เพราะเจอ Harry เข้าเสียก่อน และรู้อีกว่าลูกชายของเขาหันไปใช้นามสกุลแม่แทนแล้ว ทำให้ Norman รู้สึกปวดใจอย่างมากและคิดที่จะจัดการกับลูกที่ไม่ยอมรับมรดกตระกูลออสบอร์นคนนี้เสียที ซึ่งเขาก็ไม่รู้อีกว่าตัวเองกำลังโดนใครบางส่องหัวจากระยะไกลอยู่


ผู้หญิงคนเดิมกับก่อนหน้านี้ใช้ระบบพรางตัวและเล็งปืนสไนเปอร์ไปยัง Harry โชคดีที่ Peter สังเกตเห็นทำให้เข้ามาหยุดได้ทัน และเขาได้ใช้ใยลำดับที่ 6 ช็อตกระแสไฟฟ้าเข้ารบกวนระบบพรางตัวของอีกฝ่ายเพื่อให้เปิดเผยตัวออกมา และเมื่อเห็นตัวตนของเธอก็ทำให้ Peter ต้องตะลึง

Peter : ซิลเวอร์ ซาเบิล?! แต่เธอควรจะตายไปแล้ว! นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!

Silver : มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ สไปดี้ มันก็แค่นายเพิ่งจะทำให้... นอร์แมน ออสบอร์น หนีไปได้!


Silver Sable ที่ควรจะตายไปแล้วปรากฎตัวขึ้น? เธอกลับมาได้อย่างไร และทำไมถึงต้องไล่ล่า Norman Osborn?!


คุยกันท้ายเล่ม

ต้องบอกว่าหายไปนานมาก จริงๆตัวสปอยผมทำเสร็จไปส่วนนึงแล้ว แต่ติดงานเลยไม่ได้มาทำต่อ ตอนนี้คิดว่าน่าจะกลับมาไล่ทำ Spider-Man ต่อนะครับ ส่วน Secret Empire นี่อาจจะขอดูอีกที



1 comment: