Tuesday, July 16, 2013

Pacific Rim : Tales from Year Zero - Part 3 : The Bond

Pacific Rim : Tales from Year Zero - Part 3 : The Bond

Present By : Guillermo Del Toro | Writer : Travis Beacham

สำนักพิมพ์ : Legendary comic


พบกับเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างนักบินของ Jaeger ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของ Raleigh และ Yancy ก่อนจะเข้าสู่จุดเริ่มต้นในภาคหนังโรง


*มีสปอยภาคหนังโรงเล็กน้อย

ที่สุสานแห่งหนึ่งบนฮาวาย, 28 พฤศจิกายน 2024

Naomi ได้ตามมาสัมภาษณ์ Pentecost ที่นี่


ซึ่งตอนแรก Pentecost ไม่ได้สังเกตเธอให้ดี แต่แล้วเขาก็จำชื่อเธอได้ ว่าเธอคือคนที่ทำให้ทีมดาวเด่นของเขาต้องแตกแยก โดย Naomi ก็รับว่านั่นมันเป็นเรื่องตอนสมัยวัยรุ่น และถามถึง Raleigh ว่าเป็นไงบ้าง Pentecost ก็บอกว่าเขาไม่ได้คุยกันเลยหลัง Yancy ตายไป เพราะมันไม่ง่ายเลยเมื่อเสียใครบางคนไปในขณะที่ทำการล่อง

Naomi : แล้วคุณคิดถึงมันมั้ย? ฉันหมายถึง การขับเยเกอร์น่ะค่ะ

Pentecost : แน่นอน

Naomi : ถ้างั้นแล้วทำไม คุณถึงเลือกที่จะหยุดมันล่ะ?


“มันไม่ได้ขึ้นกับผม บางครั้งโลกก็มักจะพังทลายลงรอบๆตัวคุณ และคุณต้องสร้างสรรค์บางสิ่งขึ้นมาใหม่จากชิ้นส่วนที่พังทลายเหล่านั้น”

“8 ปีก่อน จู่ๆคู่หูของผมก็หมดสติไปในระหว่างที่พวกเราทำการต่อสู้ และด้วยวิธีใดสักอย่าง ผมสามารถจบเรื่องได้...แต่มันก็เป็นการบังคับเยเกอร์ครั้งสุดท้ายของผมด้วยเหมือนกัน”

และนั่นคือศึกที่ญี่ปุ่น ศึกที่เขาได้ช่วย Mako ในขณะที่เป็นเด็กไว้

Pacific Rim

Tales from Year Zero : Part 3 – The Bond

บรรยายไทยโดย : Bank-Genesis


และหลังจากนั้นทั้งเขาและคู่หูก็ถูกปลดจากการเป็นนักบิน ซึ่ง Tam คู่หูของเขาก็คิดว่ามันเป็นเพราะการที่เธอหมดสติกลางการล่องแบบนั้น Pentecost จึงบอกเธอว่ามันไม่ใช่แบบนั้น และเขาก็จบเรื่องลงด้วยดี จนเขาคิดว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ Tam จึงบอกว่าเธอเป็นมะเร็ง และนั่นมาจากผลของรังสีที่พวกเขาได้รับการหุ่นยักษ์ที่พวกเขาใช้ต่อสู้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่พวกเธอรับรู้อยู่ก่อนแล้ว ตั้งแต่ที่ที่เซ็นสัญญาจะขึ้นขับ Jaeger


และเธอก็รู้ว่าด้วยสาเหตุนี้ พวกเขาจะไม่ให้เธอขึ้นขับมันอีกครั้ง และบอกให้ Pentecost ไปทำหน้าที่พวกเขามอบหมายให้ เพราะเธอไม่อยากให้เขามาเห็นเธอตาย

“ในบางครั้งครอบครัวอาจจะไม่ได้มาจากสายเลือดเดียวกัน แต่มันคือบางสิ่งที่พวกเราสร้างมันขึ้นมา”

“มันคือการตัดสินใจที่จะห่วงใยใครบางคน มันคือด้านตรงข้ามของความโดดเดี่ยว”

“ทัมซิน คือ ครอบครัวของผม พวกเราต่อสู้กับเจ้าสัตว์ประหลาดพวกนั้นด้วยกัน พวกเราได้เรียนรู้ถึงอารมณ์ต่างๆของกันและกัน”

“แต่แล้วจู่ๆเธอก็หายไป”


“และก่อนหน้าทัมซิน ผมก็ได้สูญเสียน้องสาวตัวเองไปใน ซาน ฟรานซิสโก”

“และก่อนหน้านั้นไปอีก ผมก็สูญเสียครอบครัวไป ในครั้งที่ผมยังเป็นเด็ก”

“อายุไม่มากไปกว่าเด็กผู้หญิงในรูปภาพที่กำลังโด่งดังอยู่ในตอนนี้ เด็กผู้หญิงคนเดียวผู้รอดชีวิต”

“และผมแน่ใจว่าคุณต้องเคยเห็นภาพนั้นมาก่อนเหมือนกัน แล้วคุณรู้ชื่อของเธอมั้ย? เธอชื่อ มาโกะ โมริ”


“แล้วทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ เพราะผมเป็นคนที่อุปถัมภ์เธอมาเลี้ยงดูน่ะสิ”

และ Pentecost ก็ออกเดินทางไปพร้อมกับ Mako


P.P.D.C. โรงเรียนฝึกสอนเกี่ยวกับเยเกอร์, เกาะคาคิแอค, 21 มิถุนายน 2016


และคู่พี่น้อง Raleigh กับ Yancy ก็ได้เข้าเรียนที่นี่ด้วยเช่นกัน ซึ่งพวกเขามีความคิดในรูปที่คล้ายคลึงกัน ตั้งแต่ในตอนนี้


และ Pentecost ก็ได้มา กล่าวบรรยาย

Pentecost : นี่ไม่ใช่การเข้าค่ายฤดูร้อน ถ้ามันเหมือนกับว่าพวกเรากำลังจะทำลายพวกคุณ ก็จงรู้ไว้ว่าพวกเราจะทำจริงๆ นั่นเพราะพวกไคจูมันไม่มีการยั้งมือ ดังนั้นพวกเราก็ด้วยเช่นกัน

Pentecost : พวกเราจะป่นพวกคุณให้กลายเป็นผุยผง และเมื่อพวกเราได้ล้มลงเท่านั้น ถึงจะถูกจารึกชื่อไว้เป็นตำนาน ดังเช่น D’ Onofrios หรือ คู่แฝดคู่นั้น...

Pentecost : และอีกมากมาย ที่ชื่อของพวกเขาจะถูกจดจำไปอีกนานเท่านาน สำหรับการกลายมาเป็นอัศวินผู้ปกปักษ์พวกเราในช่วงเวลานี้ ยืนมองดูพวกเราจากสุดขอบโลก...

Pentecost : …พวกคุณล่ะ พร้อมหรือยังที่จะไปล่ามังกรพวกนั้น


“ผมอาจจะบรรยายออกมาไม่ถูกว่ามันยากแค่ไหนที่จะขับเยเกอร์”

“คนๆนั้นจะต้องเป็นคนที่มีสติปัญญาและความแข็งแกร่งของร่างกายระดับยอดมนุษย์”

“มันเหมือนกับพวกเราจะต้องเล่นลูบิกส์ไปด้วยระหว่างที่กำลังต่อยมวย”

“เหล่าผู้คนที่สามารถรับกับมันได้นั้นหาได้ยาก และการตามหาพบแค่คนเดียวนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไร”

“ที่พวกเราต้องการก็คือ เขาต้องเป็นเพื่อนที่ดีของอีกคนด้วย”


และ Gypsy Danger ก็เข้าปะทะกับ Kaiju

Yancy : มันกำลังจะทำลายส่วนหัวแล้วนะ ไอ้น้องรัก

Raleigh : ฉันมีความคิดดีๆแล้ว


Raleigh : ใช้ระเบิดพลังงานเตาปฏิกรณ์ไง

Yancy : พวกเราจะโดนเผาไปด้วยน่ะสิ เพราะมันจะหมุนย้อนทางนะ! แล้วถ้ามันไม่เสร็จ...

Raleigh : มันต้องเสร็จสิ!

และได้ผล มันเล่นงานจน Kaiju นั้นตายในทันที


Yancy : มันต้องเสร็จเนี่ยนะ?

Raleigh : ก็ใกล้เคียงล่ะนะ

และนี่คือการทดสอบของพวกเขา พวกเขาผ่านในเวลา 24:23 นาที และได้คะแนนไป 92.7 %

Raleigh : ต้องแบบนั่นเซ่ นั่นน่ะคะแนนสูงสุดเลยเชียวนะ!

Yancy : ใช่เลย ไอ้น้องชาย!


แล้วจากนั้นพวกเขาก็ออกมานั่งดื่มกินกันในร้านอาหาร และพบกับ Naomi เป็นครั้งแรก


ซึ่งพวกเขานั่งดื่มด้วยกันกว่า 4 ชั่วโมง ก่อนที่ Yancy จะบอกให้ Raleigh เตรียมตัวไปกันได้แล้ว และ Naomi ก็ให้เบอร์กับ Raleigh ไว้ สำหรับโทรเรียกเธอเมื่อพวกเขามีเวลาว่าง


แล้ว Raleigh ก็มาเกทับ Yancy ที่เขาได้เบอร์เธอมา และคิดว่าเธอชอบเขา แต่ Yancy ก็บอกว่าเธอน่าจะชอบนักบินของเยเกอร์มากกว่าล่ะมั้ง จากนั้นทั้งคู่ก็ขับรถกลับไป

“และผมก็เกือบจะลืมไปแล้วว่ามันรู้สึกยังไงตอนอยู่ที่โรงเรียน การเดินทางอีกมากมายรออยู่เบื้องหน้าของคุณ มันเปี่ยมไปด้วยความหวัง ไม่สะทกสะท้านต่อพายุใดๆที่ดาหน้าพัดผ่านเข้ามา แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่ผ่านมายาวนานเหลือเกิน”


“ผมคิดว่าตัวเองจะปรับตัวให้เข้ากับที่นั่นไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพื่อ มาโกะ, เธอทำให้ผมคิดถึงตัวผมเองในขณะที่มีอายุเท่ากับเธอ... เป็นคนเงียบๆ, จริงจัง และเปี่ยมด้วยความอยากรู้อยากเห็น มันง่ายเหลือเกินที่จะเห็นเธอเป็นดั่งลูกสาวของผมจริงๆ”

“แต่ยังไงก็ตาม มันยังเหมือนมีบางสิ่งที่ขาดหายไป”

Mako ที่อยู่กับเขาได้ถามถึงเรื่องที่ Jaeger ต้องการ 2 คนขับ Pentecost จึงบอกว่ามันเป็นหนทางที่จะทำให้มันใช้งานได้ และที่พวกเขาต้องรู้จักกันนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องจำเป็นมากนัก แต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยได้ดี Mako จึงถามถึงคู่หูของ Pentecost และเขาก็ตอบอะไรเธอไม่ได้มากนัก

“มันมีสายสัมพันธ์ที่พิเศษระหว่างนักบินของเยเกอร์ นั่นคือคู่ของคุณจะล่องอยู่ในจิตใจของคุณอยู่เสมอ เมื่อนานไปมันจึงเริ่มยากที่จะปรับตัวกับเรื่องนั้น”


“และการที่คุณต้องมาทำงานร่วมกับทีมงานที่ทำเรื่องแบบนั้นได้ดี มันจะทำได้เพียงทำให้คุณคิดถึงมันมากขึ้นเท่านั้น”

หลายสัปดาห์ต่อมา

Gypsy Danger เข้าปะทะกับหนึ่งใน Kaiju อีกครั้ง

“และนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้ผมแน่ใจ ว่าพวกเจ้าหนุ่มบั๊คเก็ตคือของจริงสำหรับเรื่องนี้... และทำไมสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาก็ถึงเป็นความสิ้นหวังอย่างแท้จริงด้วย”


พวกเขาสามารถบังคับ Gypsy Danger เข้าเล่นงาน Kaiju ได้อย่างงายดาย และเตรียมรับมือกับมันได้อย่างเหมาะสม


แต่แล้วก็เกิดอะไรบางอย่างขึ้น มาเมื่อ Raleigh ได้ลงลึกเข้าไปในความทรงจำของ Yancy และเห็นภาพที่เขามีอะไรกับ Naomi นั่นทำให้ทั้งคู่เกิดความขัดแย้งขึ้นมาในจิตใจ

“เมื่อจิตใจของคุณถูกเชื่อมต่อไว้ด้วยกัน มันย่อมไม่มีความลับอะไรในระหว่างการล่อง คุณจะเรียนรู้เรื่องราวของอีกฝ่ายแม้แต่ในระหว่างที่พวกคุณทำการต่อสู้”

“ดังนั้นบางที มันอาจจะเป็นสิ่งที่เพิ่มความตึงเครียดขึ้นมาระหว่างสานสัมพันธ์นั้น”


และเมื่อทั้งสองเสียสมาธิ Gypsy Danger ที่กำลังได้เปรียบก็โดน Kaiju เล่นงานจนไม่สามารถตอบโต้ได้ และเสร็จมันในที่สุด


และนั่นก็เป็นการจบการทดสอบ แต่อารมณ์ของ Raleigh นั้นยังไม่จบ เขายังคงเคือง Yancy อยู่จนไม่อยากมองหน้า และขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอก

“และในท้ายที่สุด พวกคุณก็จะต้องยอมรับและอยู่ร่วมกันกับคนข้างๆคุณ หรือไม่งั้นก็จบกัน”


หลายชั่วโมงต่อมา

Yancy ออกมาตาม Raleigh ถึงที่บาร์ แต่น้องชายของเขายังคงหัวเสียอยู่ และยิ่งโมโหเมื่อ Yancy พูดเหมือนเรื่องที่เขามีอะไรกับ Naomi ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ Yancy ก็บอกว่าที่เขายุ่งกับ Naomi นั้นเพราะเขาคิดว่า Raleigh ลืมเธอไปแล้ว เพราะไม่เห็น Raleigh พูดถึงเธอเลย จน Raleigh โมโหเดินเข้ามาบอกว่า เขาไม่ชอบ Yancy ที่ไม่ยอมรอให้ของมันตกถึงมือจริงๆ Yancy จึงโต้กลับว่าเขาก็ไม่ชอบ Raleigh ที่ไม่ยอมโตสักทีเหมือนกัน


เมื่อพูดคุยกันไม่ถูกคอ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ สองพี่น้องไฝว้กันเอง


จนท้ายที่สุดก็โดน Pentecost เรียกไปพบ

Pentecost : พวกบ้าๆอย่างพวกนายคงไม่รู้ว่าโชคดีแค่ไหนใช่มั้ยเนี่ย พวกนายคือคนที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้

Pentecost : ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะได้รับโอกาสแบบนี้ และไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคนมาคอยระวังหลังให้กันและกัน

Pentecost : แต่แล้วพวกนายกลับโยนมันทิ้งไปจนหมด เพียงเพื่อ...อะไร? ผู้หญิงคนเดียวเนี่ยนะ?

Pentecost : เยเกอร์ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้พวกนายสูงขึ้นถึง 300 ฟุต แต่เป็นสายสัมพันธ์ต่างหาก และพวกนายก็เพิ่งที่จะหันหลังให้กับมัน ฉันบอกพวกนายได้เลยว่าโลกใบนี้มันเป็นสถานที่ที่มืดมน

Pentecost : แต่มันจะทำให้พวกนายคิดได้ว่า ถ้าพวกนายสองคนอยู่ด้วยกัน มันจะสร้างความแตกต่างได้เสมอ


และนั่นทำให้ทั้งคู่หันมามองหน้ากัน

Yancy : ขอโทษด้วยครับ

Raleigh : พวกเราจะไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครับ

Pentecost : ฉันก็หวังไว้แบบนั้น เอาล่ะออกไปได้แล้ว

และเมื่อเขาได้พูดกับสองพี่น้องคู่นี้ มันก็ทำให้เขาคิดถึงครอบครัวของเขาอีกคน Tamsin


ที่โรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง

Tamsin นั่งอยู่ริมหน้าต่าง ด้วยสภาพอิดโรย มะเร็งกำลังจะคร่าชีวิตของเธอไปแล้ว แต่วันนี้มีแขกพิเศษมาเยี่ยมเธอ

Pentecost : ทัมซิน

Tamsin : แสตร็คเหรอ?

แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว

Tamsin : นั่นใช่?

Pentecost : ใช่แล้ว


Pentecost : ทัมซิน นี่มาโกะ โมริ ฉันดูแลเธออยู่

Pentecost : มาโกะ นี่ทัมซิน เซเวียร์ คู่หูนักบินของฉัน... คนที่ช่วยชีวิตเธอไว้

และแล้ว Tamsin ก็ได้มีความสุขในช่วงชีวิตก่อนตายของเธอ


และที่เขามาที่นี่ในวันนี้ เพราะนี่คือวันฝังศพของ Tamsin และ Mako ก็กำลังวางดอกไม้ให้แก่เธอ และ Pentecost ก็บอกกับ Naomi ว่า

Pentecost : ถ้าเธอจะถามว่า ทำไมพวกเราถึงต้องสู้...ทัมซินจะตอบว่า พวกเราสู้เพื่อนำชัยชนะมา และน้องสาวของฉันก็คงจะบอกแบบนั้นเช่นกัน

Naomi : แล้วคุณเชื่อว่าพวกเราจะทำได้เหมือนกันเหรอคะ?

Pentecost : จากหลายๆยุคสมัยที่ผ่านมา พวกเราได้พบเห็นทวีปที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง, หรือปนเปื้อนไปด้วยเถ้าถ่าน...แต่พวกเราก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ และผ่านไปกว่าทศวรรษหลังวัน K-Day พวกเราก็ยังยืนอยู่ตรงนี้

Pentecost : ผมไม่เคยเชื่อในจุดสิ้นสุดของเวลา พวกเราคือเผ่าพันธุ์มนุษย์ พวกเราทิ้งรอยเท้าไว้บนดวงจันทร์ และเมื่อเสียงสัญญาณได้ดังขึ้น เหล่าอสูรร้ายได้ออกมาจากประตูมิติ... พวกเราก็จะฆ่ามัน


และสุดท้าย Naomi ก็กลับมาพูดคุยกับ Tendo

Naomi : ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างที่ช่วยเหลือนะเทนโด แต่ฉันไม่แน่ใจเลยว่าฉันจะเขียนบทความออกมาได้

Tendo : ทำไมล่ะ จากบทสัมภาษณ์พวกนั้น...คุณไม่ได้อะไรดีๆเลยงั้นเหรอ?

Naomi : ไม่ใช่แบบนั้น ฉันก็หวังว่าที่จะใช้มัน แต่พวกเขาหลายคนได้มอบหลายสิ่งหลายอย่างมาให้มากมายเหลือเกิน แล้วพวกเราจะแสดงการขอบคุณอะไรให้เขาได้บ้าง? แค่ไม่กี่หน้าของความอาลัยอาวรณ์งั้นเหรอ?

Tendo : แล้วคุณทำอะไรได้มากกว่านั้นเหรอ?

Naomi : ทำไมพวกเราถึงเลือกที่จะไม่สู้ล่ะ

Naomi : พวกเขาแยกเศษชิ้นส่วนเยเกอร์เพื่อสร้างกำแพงชีวิต เหมือนกับพวกเราถูกแบ่งอยู่ครึ่งโลกกับเจ้าสัตว์ประหลาดพวกนั้น มันยังมีอะไรเหลืออยู่สำหรับพวกเราแน่เหรอ?

Naomi : ไม่รู้สิ คุณคิดว่าพวกเรายังจะชนะศึกนี้ได้อยู่อีกมั้ย?


Tendo : ที่ผมบอกได้ก็คือ ชีวิตของคนเรามันสั้น คุณควรจะเขียนในสิ่งที่อยากจะเขียน

Naomi : โอเค...

Naomi : งั้นมาคุยกันเรื่องของอนาคตหน่อยมั้ย...

Tendo : ผมคิดว่าคุณจะไม่ถามแล้วซะอีก


และทั้งหมดนี่คือจุดเริ่มต้นสู่

Pacific Rim

สงครามอสูรเหล็ก


ฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

พร้อม Main Theme ของหนัง 


ก็เป็นอันจบนะครับสำหรับบทนำสู่ภาคหนังโรง บทนี้ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว แต่ไปดูหนังมามันนำเสนอเรื่องราวออกมามากกว่าที่คิด โดยเฉพาะสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง และระหว่างนักบิน การคัดเลือกตัวบุคคลที่จะขึ้นขับ Jaeger ทั้ง 3 บท คือ สิ่งที่จะเติมเต็มภาคหนังโรงให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นครับ และขอบคุณมากที่ติดตามอ่านกันมา

5 comments:

  1. โอ้สุดยอด ขอบคุณมากๆครับ

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณมาก ๆ ครับ

    ReplyDelete
  3. ขอบคุณมากๆครับผม

    ReplyDelete
  4. ขอบคุณมากครับ..
    มีแถมเพลง Main Theme
    มาให้ตอนท้ายด้วย สุดยอด
    เลยครับ

    ReplyDelete