Thursday, January 15, 2015

Scarlet Spiders #2

Scarlet Spiders #2 : Spider-Verse Tie-In

เรื่องโดย : Mike Costa | ภาพโดย : Paco Diaz

วางจำหน่าย : 17 ธันวาคม 2014

สำนักพิมพ์ : Marvel Comics


ภารกิจแทรกซึมเพื่อกำจัดโรงงานสร้างโคลนของ 3 แมงมุมโคลนต่อไป

ในที่สุดพวกเขาก็พบสถานที่เพาะร่างโคลน แต่มันยังมีบางสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น...


Johnny : ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์! ไม่อยากจะเชื่อเลย

Johnny : เจนนิกซ์ สั่งให้แกพาเจ้าแมงมุมเข้ามาในนี้โดยฉันไม่ได้ยินเรื่องนี้เลยเนี่ยนะ? ทีมรักษาความปลอดภัยของฉันจะจับตัวผู้หญิงนั่น แต่เจ้านี่น่ะเหรอ? มันดูเหมือนชายโฉดมากกว่า นี่มันมาจากจักรวาลนรกแบบไหนกันเนี่ย?

Ben : อันนี้ฉันก็ไม่รู้สิ แต่ถ้า เจนนิกซ์ ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับนาย นายก็ควรจะไปถามเขาเองนะ ตอนน็ฉันกำลังยุ่ง แล้วฉันจะบอกเขาให้ว่านายอยากจะคุยด้วย

Johnny : ตลกจริงๆ เจนนิกซ์ ไม่อยากให้ฉันรู้เรื่องนี้ แต่แกดันพามันเข้ามาทางประตูหน้าแบบนี้?

Johnny : โทนี่ บอกฉันหน่อยว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลจริงๆ?

เมื่อเห็นว่าแผนล่มแน่ๆ Kaine จึงปลดกุญแจมือออกมสวมหน้ากากและหายตัวไปในทันที

Johnny : มันหายไปไหนแล้ว? ติด....


Johnny : ฟายยยยยยยยยยย!

Kaine ถีบเข้าเต็มๆหน้า


แต่เขาก็ไม่พลาดที่จะยิงไฟใส่ Kaine ในทิศทางที่โจมตีมา

Kaine : ทีนี้ฉันก็มองเห็นแล้วว่าแกจะมาจากทางไหน

แต่การโจมตีถัดมาดันมาจากด้านที่เขาไม่ระวัง และนั่นก็คือ Ben นั่นเอง

Ben : แล้วนายเห็นนั่นมั้ย?


จากนั้นหมัดถัดมาของ Kain ก็ซัดเอา Johnny ดั้งหักและสลบไปในทันที

Ben : นี่นายอัดคนที่หน้าตอนที่หายตัวแบบนั้นเหรอเนี่ย... ชั่วร้ายเป็นบ้า

Kaine : ก็ถ้านายยิงมันไปแต่แรกก็จบเรื่องแล้ว

จากนั้น Kaine ก็แนะนำให้ Ben ถอดเกราะออกเพราะ Jennix อาจจะเรียกมันให้ไปหาได้ทุกเมื่อ และหากเป็นแบบนั้น Ben ก็ต้องสู้กับ Jennix คนเดียว ซึ่งคงจะไม่รอดอย่างแน่นอน


แต่แล้วเพราะการที่เขาเล่นงาน Johnny กลับทำให้พวกหน่วยรักษาความปลอดภัยแห่กันมา Kaine เลยจัดหนักให้พวกนั้นเต็มๆ ก่อนที่ Ben จะบอกให้เขาประหยัดใยไว้ไม่ต้องมัดพวกนั้นเพราะยังไงตอนนี้เรื่องของพวกเขาก็ถูกเปิดเผยออกไปแล้ว


ทั้งคู่ได้เดินทางต่อ ซึ่ง Kaine ดูจะไม่ชอบใจนักเพราะจริงๆแล้วมันควรจะเป็น Jessica ที่ดึงดูดความสนใจของพวกหน่วยรักษาความปลอดภัย แต่ตอนนี้มันกลายเป็นพวกเขาก็โดนไปด้วย โดยทาง Jessica ก็ขโมยเอาเครื่องมือสื่อสารของหนึ่งในหน่วยรักษาความปลอดภัยมาด้วย ทำให้เธอพบว่าพวกนั้นเรียกระดมพลตามหาตัวเธอแล้วพวกเขาจึงมีสิทธิที่จะโดนเจอตัวด้วยเช่นกัน Ben เลยบอกให้เธอช่วยดูหน้าจอที่ส่วนรักษาความปลอดภัยเป็นการช่วยพวกเขา


แต่แน่นอนว่า Jessica มีแค่เครื่องมือสื่อสารที่ข้อมือคงจะช่วยพวกเขาไม่ได้ รวมไปถึงระบุที่อยู่ของพวกเขาไม่ได้อีกด้วย แต่นั่นก็ถือเป็นข่าวดีเพราะหากเธอไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ไหน ก็แสดงว่าพวกนั้นไม่รู้เหมือนกัน Ben จึงขอเป็นสถานที่อยู่ของห้องเพาะโคลนแทนและนั่นคือสิ่งที่ Jessica พอจะบอกได้

เธอได้บอกพวกเขาถึงสมมติฐานของเธอ แต่เธอก็ช่วยเปิดประตูให้พวกเขาไม่ได้เพราะพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยเริ่มจะรู้แล้วว่าเธอแอบดูข้อมูลและกำลังปิดระบบของเธอทิ้ง Ben กับ Kaine จึงจะหาทางด้วยตัวเอง และพวกเขาก็มาถึงจุดที่ Jessica บอกไว้ ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์คนนึงอยู่หน้าห้องพอดี

Ben : คือพวกเราอยากจะขอร้องอะไรนายหน่อยน่ะพวก

Kaine : ใช้รหัสของแกเปิดประตู หรือไม่งั้นฉันจะใช้หัวของแก


Scientist : ขอล่ะ... พวกนายไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเข้าไปที่ไหนนะ

Kaine : งั้นแกก็ควรจะอธิบายให้พวกเราฟังด้วยเลย

Ben : ใช่ อธิบายอะไรมาสักอย่างเดี๋ยวเลย

ในห้องที่พวกเขาเข้ามา มันเป็นห้องเก็บหลอดทดลองอะไรบางอย่างเป็นจำนวนมาก

Kaine : โคลน นี่มันมีอยู่มากแค่ไหนกันเนี่ย?

Ben : ฉันว่าถึงพันเลยล่ะมั้ง

Scientist : ประมาณนั้น

Ben : แล้วนี่มันเพื่อ เจนนิกซ์ คนเดียว? หรือกับญาติของเจ้านั่นด้วย?

Scientist : ไม่นี่เป็นของพวกเขาทั้งหมด แต่ละหลอดเพื่อแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป

Kaine : แสดงว่าพวกเราต้องทำลายมันทั้งตึกนี้

Ben : คงจะไม่ได้ ไม่งั้นหมอนี่กับเพื่อนจะเป็นยังไงล่ะ?

Scientist : ขอร้องอย่าฆ่าฉันกับเพื่อนๆเลย

Ben : มันไม่มีปัญหาอะไรหรอก พวกเราแค่ต้องหาทางอื่นที่จะไม่ทำร้ายใคร พร้อมๆกับจัดการป้อมปราการที่ถูกออกแบบมาโดยคนที่ฉลาดที่สุดในจักรวาลนี้


ที่ห้องของ Jennix มี Dr.Warren เข้ามารายงานปัญหาให้เขาได้รับทราบ นั่นคือหน่วยรักษาความปลอดภัยโดนเล่นงานไปเรื่อยๆโดยที่กล้องไม่สามารถที่จะจับภาพอะไรได้เลย ซึ่งเขาคิดว่ามันอาจจะเกิดจากใครบางคนที่หายตัวได้ หรือเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมาก


แต่ดูแล้ว Jennix ยังไม่คิดว่ามันเป็นปัญหาในตอนนี้ และเขาก็มีเรื่องยุ่งๆกับครอบครัวของเขาอยู่ด้วย เขาเลยจะปล่อยให้ผู้บุกรุกเล่นไปก่อน ให้พวกนั้นคิดว่าสามารถทำร้ายเขาได้ แต่ถ้าพวกนั้นคิดที่จะเข้าใกล้โปรเจ็คพิเศษของเขา เขาอาจจะต้องลงไปจัดการเป็นการส่วนตัว


Ben : เจสซิก้า เจ้าโคลนพวกนี้เป็นแค่เปลือกนอกที่ว่างเปล่า จนกระทั่ง เจนนิกซ์ หรือพี่น้องของพวกมันใส่สติสัมปัญชัญญะของพวกมันลงไป

Ben : แต่พวกมันก็ถูกทำให้มีชีวิตอยู่ ให้สดใหม่อยู่ตลอด มันต้องมีหนทางที่จะตัดพลังงานของที่นี่ พวกมันจะได้เหี่ยวแห้งตาย

Jessica : ได้เลย ฉันจะลองหาดู

Jessica : ส่วนพลังงานหลักอยู่ที่บริเวณปีกทางตะวันออก แต่การที่จะเข้าไปที่นั่นดูจะยากสักหน่อย

Ben : ยากแค่ไหนเท่า “ป่าแห่งความตาย” หรือ จอนจากซินซินนาติ” ล่ะ?

Jessica : ขอบอกว่าฉันไม่รู้เรื่องที่นายพูดมาเลย ดังนั้นฉันจะขอไม่ตอบแล้วกัน

Ben : สงสัยเธอต้องติดเคเบิ้ลทีวีแบบพรีเมี่ยมในจักรวาลของเธอแล้วนะ

Jessica : ที่ยากก็คือ พวกนั้นปิดกั้นฉันจากระบบแล้ว ฉันต้องค่อยหาช่องทางการสื่อสารเอง แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้นถ้าพวกนายโดยกล้องจับได้ฉันคงจะช่วยไม่ได้นะ

Kaine : ฉันจัดการเรื่องนั้นเอง


Kaine ได้ออกไปจัดการกับพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ด้านนอก โดยใช้โหมดพรางตัวของเขาให้เป็นประโยชน์


เขาไล่จัดการพวกมันจนหมด พร้อมทำลายกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่พบเห็นลงอีกด้วย


Ben : ไง โบร่า รู้สึกมั้ยว่านี่จะเป็นภาพถ่ายครอบครัวที่น่าสยดสยองที่สุดนับแต่ภาพของ เควินออฟ เลยล่ะ

Kaine : ฉันต้องการตัวนาย

Ben : พูดเป็นเล่น นี่นายตัดพลังงานส่วนนี้แล้วเหรอ ดูแล้วพลังงานมันยังอยู่เลย

Kaine : ที่ทางเดินโล่งแล้ว กล้องวงจรปิดก็ถูกทำลายจนหมด แต่นายต้องมากับฉัน เพราะนายคงอยากจะเห็นไอ้นั้นแน่ๆ

Kaine : และเราจะพาหมอนี่ไปด้วย

Scientist : ฉันไม่เข้าใจ พวกนายจะต้องการฉันไปทำไม?

Kaine : ก็เพราะแกเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานเรื่องโคลนไม่ใช่หรือไง?

Scientist : ฉันเป็นแค่ช่างเทคนิค หน้าที่ของฉันคือการตรวจหาความเป็นไปได้ในการเกิดการกลายพันธุ์ในรหัสพันธุกรรม

Kaine : ถ้างั้นก็ตามนั้น...


Kaine : บอกมาว่าที่ฉันเห็นนี่มันคืออะไร

สิ่งที่อยู่ตรงหน้า Ben กับ Kaine ก็คือ ห้องเก็บตัวอย่างทดลองขนาดใหญ่ และทั้งหมดล้วนเป็น Peter Parker ทั้งสิ้น ซึ่งรูปร่างของพวกเขานั้นแตกต่างกันออกไปอย่างน่าสยดสยอง

Technician : พ่ะ...พวกนี้เป็นผลงานที่ล้มเหลวของ เจนนิกซ์ “โปรเจ็คพิเศษ” ที่ประตูของมันจะถูกปิดตายอยู่เสมอ ฉันเคยได้ยินข่าวลือเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองเลย...

Ben : พระเจ้าช่วย ฉันรู้สึกอยากจะอ้วก

แม้มันจะทำให้ Ben รู้สึกแบบนั้น แต่กับ Kaine นั้นมันเป็นมากกว่านั้น เพราะเบื้องหน้าของเขามันเหมือนเขาได้เห็นตัวอีกครั้ง โคลนที่ “ไม่สมบูรณ์แบบ” ใบหน้าที่บิดเบี้ยว


มันทำให้ Kaine คลั่งจนต่อยหนึ่งหลอดทดลองแตกออก

Ben : หยุดนะ! ขอล่ะ นี่นายเอาจริงเหรอเนี่ย นายกำลังทำให้เรื่องนี้แย่ลงกว่าเดิมนะ

Jennix : ใช่แล้ว และขอร้อง พวกนี้เป็นเหมือนอนุสรณ์ของความล้มเหลวของฉัน แต่ความล้มเหลวเหล่านี้เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญสู่ความสำเร็จ


Jennix : พี่น้องผู้ที่มีความหิวโหยที่ไม่มีวันสิ้นสุดของฉันไม่เคยที่จะต่อต้านการล่าของพวกเขาได้เลย พวกเราล่าพวกมันและกลืนกินพวกมันอย่างรวดเร็ว

Jennix : จนกระทั่งฉันมีความคิดที่จะเพาะเลี้ยงพวกมัน เพื่อสร้างอาหารที่ไม่มีวันหมดสิ้นขึ้นมา ซึ่งเป็นหนทางของผู้ที่เจริญแล้วอย่างแท้จริง

Jennix : ฉันได้จับตัวพวกแมงมุมมาหลายตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนมากคือหลังจากที่ฉันมาถึงโลกใบนี้และทำให้มันกลายเป็นโลกที่ยอดเยี่ยมที่สุด เป็นเสมือนบ้านของฉัน

Jennix : แต่ถึงกระนั้น... ฉันก็ยังไม่สามารถที่จะโคลนพวกมันได้

Jennix : ร่างกาย, จิตใจ นั้นฉันทำได้ แต่แก่นแท้ของพลังแมงมุม สิ่งที่พวกเราต้องการจะกิน... มันหลีกหนีจากฉันอยู่ตลอด

Jennix : มันทำให้ฉันคิดว่าคงจะต้องทำตัวเป็นผู้ไร้ความเจริญไปตลอดกาล แต่แล้ววันนี้ กลับมีแมงมุม 2 ตัวมุดมาหาฉันเอง

Jennix : และถ้าฉันวิเคราะห์ไม่ผิด... มันเป็นแมงมุมโคลน ที่มีความลับมากมายที่เย้ายวนฉันเหลือเกิน

Ben : เอ้อ ฉันอาจจะไม่คิดมากเรื่องพวกนั้นนะ แต่สำหรับเพื่อนของฉันตรงนี้นี่เขาโดนโดยตรงเลยนะ


Jennix : อ้อ ฉันเข้าใจ และบอกหมอนั่นด้วย ว่าฉันมองเห็นชุดล่องหนของเขา เพราะซูซาน สตอร์ม ก็อยู่ในโหลแถวๆนี้แหละ ดังนั้นไอ้พลังที่ทำให้หายตัวได้แบบนั้นมันไร้ประโยชน์

Kaine : ไอ้ขี้ขลาด เอาแต่หลบอยู่ในรูอยู่ได้ พวกเราฉันจะพังบ้านของแกให้เละเลยคอยดู

Jennix : ถ้าพวกนายต้องการแบบนั้น

Jennix : ส่วนเจ้า ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์

Jennix : ก็เป็นแค่อีกหนึ่งความล้มเหลวที่น่าผิดหวัง

เท้าของใครบางคนที่ดูค้นตาได้ย่องเข้ามาเบื้องหลัง Technician และหักคอของเขาอย่างง่ายดาย


Jennix :ฉันหวังว่าพวกแก 2 ตัว จะทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นได้มากกว่านี้สักหน่อยนะ


โปรดติดตามตอนต่อไป...
คุยกันท้ายเล่ม

ปั่นทันพอดีเพราะเล่มหน้าจะออกอาทิตย์หน้าแล้ว แล้วมาดูกันว่าแมงมุมโคลนทั้ง 3 จะทำภารกิจให้สำเร็จได้อย่างไร และพวกเขาจะรับมือกับ Jennix ยังไง ในเล่มหน้าครับ

เรื่องของโคลนนี่จะแตกต่างจาก ASM #11 อยู่บ้าง ที่เล่มนั้นต้องให้ Inheritors ตายก่อนถึงจะก่อให้เกิดกระบวนการสร้างร่างโคลน แต่เล่มนี้มาเป็นร่างรอรับจิตสำนึกอย่างเดียวเลย

2 comments:

  1. แสดงว่าซูซานมิตินี้โดนดอง กลืนพลัง แต่จอร์นนี่ไหงไม่แก้แค้นให้พี่สาวหว่า

    ReplyDelete
  2. ไรย์ลี่ นี้ดูๆแล้วน่าจๆไปมากสุด T~T

    ReplyDelete