Tuesday, January 13, 2015

Ant-Man #1

Ant-Man #1

เรื่องโดย : Nick Spencer | ภาพโดย : Ramon Rosanas

วางจำหน่าย : 7 มกราคม 2015

สำนักพิมพ์ : Marvel Comics


เมื่อ Cassie ลูกสาวของเขาฟื้นกลับมาอีกครั้ง

Scott Lang หรือ Ant-Man ก็ต้องเริ่มดิ้นรนเพื่อที่จะทำให้เขาได้อยู่กับลูกได้ แต่อุปสรรคนั้นช่างมากเหลือเกิน


เมื่อ Hank Pym หรือ Ant-Man คนแรกได้เลิกที่จะเป็นฮีโร่ ได้มีใครคนอื่นก้าวขึ้นมาแทนที่ (หรือถ้าจะให้บอกตรงๆก็คือ เขาขโมยชุดไป) และใครคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ Scott Lang!

เขาอาจจะมีอดีตที่สกปรกอยู่เบื้องหลัง แต่ตอนนี้ เขาย่อส่วนได้, พูดคุยกับมดได้ และนั่นคือความสามารถของ 

Ant-Man!


“ชื่อของผมคือ สก๊อตต์ แลง ผมคือ แอ๊นท์แมน (มนุษย์มด)”

“โอเค ผมเข้าใจ... เพราะผมนี่แหละคือคนแรกที่ยอมรับ ว่า “มนุษย์มด” นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ใครจะฟังแล้วรู้สึกตื่นเต้นมากเท่าที่คุณคิด”

“แต่อย่าเข้าใจผมผิดนะ มันไม่ได้แย่อะไรหรอก... แถมยอดเยี่ยมไปเลยด้วยซ้ำ”

“แต่มันก็ยังมีเรื่องเล็กๆน้อยๆอยู่ดี”

“เพราะเมื่อคุณไปงานปาตี้ของซุปเปอร์ฮีโร่ ที่เต็มไปด้วย พวก “ข้าคือเทพเจ้าผู้เป็นอมตะผู้สามารถควบคุมสายฟ้าได้” หรือ “ข้าคือคนกลายพันธุ์และราชาแห่งแอตแลนติส”

“แล้วพอมีผู้หญิงมาถามคุณ คุณจะตอบว่ายังไง?”

“ผมย่อส่วนตัวเองและคุณกับมดได้ด้วยนะ แถมตอนนี้ผมหย่ากับภรรยาแล้วด้วย งั้นเหรอ”

“อ้อแล้วก็นะ ความจริงก็คือ มันมี มนุษย์มด อยู่หลายคนเลยนะ แต่พวกเขาส่วนใหญ่ตายไปแล้ว... หรือไม่ก็กลายเป็นวายร้าย...”

“...สิ่งต่างๆที่เราทำลงไปอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กๆน้อย”

“แต่ผมก็พยายามที่จะทำมันให้ดีที่สุด”


จากนั้น Scott ก็ลอบเข้ามาในลิฟต์ เล่นงานยามให้สลบและขึ้นไปยังชั้นที่ 54 แต่เบื้องหน้าของเขาเป็นเลเซอร์สำหรับตรวจจับผู้บุกรุก ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับ Ant-Man

“ความจริงก็คือ ผมสามารถที่จะทำบางสิ่งที่ดูเท่สุดๆไปเลย และถ้าให้ผมยกตัวอย่าง”

“อันนึงก็คือการควบคุมมดพวกนี้”

“และการเข้าไปในจุดที่ยากที่จะเข้าไปได้”

และเขายังตั้งชื่อให้พวกมดอีกด้วย


แถมพวกมันยังมีบางอย่างที่ดีเยี่ยมนั่นก็คือ “จำนวน” บนโลกใบนี้มีมดมากกว่า 1 หมื่นล้านล้านตัว ซึ่งเป็นคนทั่วไปคงขยาด แต่ด้วยจำนวนที่มหาศาลของมัน สามารถทำในบางสิ่งที่น่าเหลือเชื่อได้ อย่างเช่นตอนนี้ มันสามารถที่จะเปิดประตูเหล็กหนา 2 ตันออกมาได้

จากนั้นเขาก็ลอบเข้าไปในห้องนั้น ที่เต็มไปด้วยของหรูหราของคนรวย แล้วเขาที่บอกว่าตัวเองเป็นฮีโร่ลอบเข้ามาในนี้... ห้องของ Tony Stark ทำไม?

“ไม่ต้องห่วง ก่อนที่คุณจะตัดสินเกี่ยวกับตัวผม... ผมมีเหตุผลที่ดีมากสำหรับเรื่องนี้”


“หรือคุณอาจจะรู้อยู่แล้ว... เงินไงล่ะ”

เช้านี้ที่ New York

Scott ได้มาสัมภาษณ์งาน

ผู้สัมภาษณ์ : เอ่อ... อย่างแรกเลยแล้วกันนะครับ ขอบคุณที่มาพุดคุยกับเรา คุณ....?

Scott : มนุษย์ แต่ที่จริงคุณจะเรียกผมว่า มด ก็ได้

(ปกติคนต่างชาติจะเรียกชื่อนามสกุลกันก่อน Scott เลยเล่นมุข Ant-Man ให้ Man เป็นนามสกุลไป)

และมันก็ทำเอาทั้งห้องเงียบฉี่

Scott : ขอโทษสำหรับมุขตลกห่วยๆเมื่อกี๊ด้วย สก๊อตต์ แลง ครับ


จากนั้น Scott ก็มัวแต่คิดเรื่องการพูดชื่อจนบอกมั่วไปหมด แต่สุดท้ายก็เข้าเรื่อง ซึ่งผู้สัมภาษณ์ได้ถามถึงเรื่องที่เขาติ๊กถูกที่หัวข้อ “คุณเคยเข้าคุกมาก่อนหรือเปล่า” Scott จึงบอกว่านั่นถูกแล้ว เขาเคยเข้าคุกมาก่อน


Scott ได้เล่าว่าในอดีตเขาเคยโจรกรรมสิ่งของมาก่อน และตอนนี้เขาก็ยังเก่งเรื่องนี้อยู่ แต่ไม่ได้ได้ทำอะไรแบบนั้นแล้ว จากนั้นเขาก็แต่งงานกับแฟนสาว แต่ทุกอย่างที่เขาทำมันหมายถึงการโจรกรรมสิ่งของ... สุดท้ายเขาได้ขโมยของของแฟนสาว แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เขามีเรื่องกับคู่หูร่วมงาน จนทำให้เขาโดนจับในที่สุด


หลังจากนั้นเขาก็ติดอยู่ในคุก โดนแฟนสาวยกเลิกการแต่งงาน จนกระทั่งหลายปีต่อมาเขาถึงได้ออกมา และสัญญากับตัวเองว่าเขาจะไม่ทำมันอีก... แต่แล้วเขาก็ต้องทำ นั่นเพราะเขามีลูกสาว เธอชื่อ Cassie Lang ในตอนนั้นเธอล้มป่วยอย่างหนัก แถมยังมีภาวะโรคหัวใจอีกด้วย


เขารู้ว่ามีหมออยู่คนนึงที่ช่วยเธอได้ และนั่นก็คือ Dr.Erika Sondheim แต่เธอถูกขังไว้ในสถานที่อันเป็นความลับ Scott จึงได้ตัดสินใจที่จะขโมยชุด Ant-Man และใช้มันเพื่อช่วยเหลือเขาในครั้งนี้ โดยที่เขารู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดี

แต่แล้วมันกลับกลายเป็นเรื่องดี เพราะแท้จริง Sondheim นั้นโดนวายร้าย Darren Cross จับตัวไป มันให้เธอช่วยเปลี่ยนถ่ายอวัยวะของเหล่าคนไร้บ้านมาปลูกถ่ายให้กับตัวเอง และ Scott ที่ไปถึงก็เล่นงานมันได้สำเร็จ

เขาช่วย Sondheim ไว้ได้ เธอจึงตอบแทนด้วยการช่วยเหลือ Cassie และ Hank Pym เจ้าของชุดก็บอกให้เขาเก็บมันไว้ได้


มาถึงตรงนี้ Scott ได้เสริมว่า ชายที่ “สร้างหุ่นยนต์อัจฉิรยะที่ต้องการจะทำลายล้างมนุษย์ชาติ” นั่นก็เป็นหนึ่งในบุคคลอ้างอิงของเขา และจากนั้นเขาก็เริ่มเข้าสู่หนทางของฮีโร่ เขาเข้าร่วม Avengers และ Fantastic Four มันทำให้ Scott แน่ใจว่ามันจะช่วยเขาได้ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้

และผู้สัมภาษณ์ที่ได้ฟังก็ค่อนข้างประทับใจแต่มันมีบางอย่างที่ขัดตาของเขาในใบประวัติ Scott จึงบอกให้ชัดๆว่า มันถูกแล้วเขาเคยตายไปครั้งนึง และมันก็ทำให้เขาไม่มีหมายเลขประกันสังคมอีกแล้ว แต่ก่อนที่เขาจะได้สัมภาษณ์กันต่อ ใครบางคนก็เข้ามาขัดไว้ก่อน


และนั่นก็คือ Tony เขาได้มาขอตัว Scott ออกไป ก่อนที่จะถามว่าเขาคิดได้ไงที่ใส่ชุดแบบนั้นมาสัมภาษณ์ ทาง Scott เลยบอกว่าตอนนี้เขาไม่มีชุดสูทเลยต้องใส่มาทั้งแบบนี้ จากทั้งคู่ก็เดินคุยกันไปจน Tony เข้าเรื่องของเขา

Tony : เอาล่ะที่ฉันอยากจะบอกก็คือ นายไม่จำเป็นต้องสัมภาษณ์อะไรหรอก...

Tony : เพราะนายจะไม่ได้งานนี้แน่นอน

Scott : อะไรนะ?

Tony : แน่นอน การสัมภาษณ์งานมันแค่เอาไว้โชว์เป็นเรื่องของทางกฎหมาย แต่ฉันได้คัดเลือกกลุ่มคนชุดสุดท้ายด้วยมือตัวเองแล้ว

Scott : นี่นายพูดอะไรของนาย? ฉันออกจะเหมาะกับหน้าที่นี้นะ! “หัวหน้าหน่วยงานออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยรุ่นใหม่ของสตาร์กอินดรัสทรี่ย์” นั่นแหละฉันล่ะ

Scott : ที่ฉันอยากจะบอกก็คือ ใครมันจะรู้ดีว่าต้องป้องกันยังไงไม่ให้ของของนายโดนขโมยไป ได้ดีไปกว่าคนที่เคยขโมยของของนาย?


Tony : ฉันพอจะเข้าใจเหตุผล แต่... ฟังนะ สก๊อตต์ พวกเราคงต้องย้อนความกันหน่อย และขอบอกไว้นะว่าฉันชอบนายมาตลอด

Tony : แต่ไอ้สิ่งที่นายพูดในห้องนั่น เกี่ยวกับ อเวนเจอร์และสี่กายสิทธิ์... รู้มั้ยว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไป?

Scott : นี่หมอนั่นรู้มั้ยว่านายติดเครื่องดักฟังในห้องของเขา?

Tony : ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายคิดเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า... แต่มันเป็นเรื่องง่ายๆ นั่นก็คือ นายนั่นแหละ

Tony : สิ่งที่เหมือนกันในทุกๆหน้าที่ที่นายทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานนานาชาติของสตาร์ก, กลุ่มฟิวเจอร์ฟาวเดชั่น... หรือแม้กระทั่งในห้องขัง... นั่นก็คือนายไม่เคยจะอยู่ที่ไหนได้นานเกินกว่า 1 ชั่วโมงเลย

Tony : มันดูเหมือนว่านายจะพยายามหาทางลัด, กลโกง ทางออกที่ง่ายที่สุดสำหรับปัญหาตรงหน้า และสิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นก็รออยู่... เพราะคำตอบที่ง่ายที่สุดของนายมักจะเป็นการเดินหนีออกไปอยู่ตลอด


Tony : ดังนั้นประเด็นก็คือ ฉันต้องการใครบางคนที่ฉันสามารถเชื่อถือได้ สก๊อตต์ ใครบางคนที่ฉันจะเชื่อมั่นในตัวเขา แล้วนี่นายจะขอให้ฉันเชื่อนายได้จริงๆเหรอ?

Scott : โทนี่... ฉันเข้าใจแล้ว ฉันทำตัวไม่ดีเอง ฉันรู้ตัวเองดี และอย่าให้ฉันต้องคิดถึงมันอีกเลย เอาเป็นว่าฉันให้คำมั่นกับนายได้... และฉันต้องการงานนี้จริงๆ

Tony : เฮ้อ ก็ได้ นายโชคดีนะ ที่ฉันเป็นพวกที่ชอบเรื่องการให้โอกาสที่สอง ถ้าทำได้ ตอนนี้ฉันกำลังจะจัดการแข่งขัน... เป็นการทดสอบประเมินผล ประมาณนั้น... ฉันสามารถที่จะให้นายไปอยู่ในกลุ่มผู้สมัครได้ และนั่นคือมากที่สุดที่ฉันพอจะทำให้นายได้แล้ว แล้วเราจะมาดูกันว่านายจะทำอะไรได้ที่นั่น และฉันก็ไม่คิดที่จะเล่นงานอะไรนายหรอกนะ สก๊อตต์...

Tony : แต่ฉันไม่ได้คาดหวังกับนายสักเท่าไร


Scott ได้คิดมากเรื่องที่เขาโดน Tony พูดใส่ เขาได้คิดถึงมันในขณะที่กลับจากที่นั่น เขายังคงคิดว่าตัวเองมีคนที่เชื่อมั่นในตัวของเขาอยู่ และเขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าโรงเรียนของคนคนนั้น เธอคือลูกสาวของเขาที่กลับมาจากความตาย Cassie Lang

Cassie : พ่อคะ!

Cassie : หนูไม่เห็นรู้เลยว่าพ่อจะมารับ!

Scott : พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกมาเรียนที่นี่!


“แล้วตอนนี้มันก็คือช่วงเวลาที่ฉันเริ่มจะเข้าใจ ที่พ่อทุกคนได้บอกเกี่ยวกับลูกสาวของพวกเขาในช่วงเวลานี้”

“แต่สำหรับผมน่ะเหรอ? ผมขอพูดตรงๆเลยนะ...”

“ผมรู้สึกว่าแค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันยังไม่พอเลย เพราะชีวิตของเด็กคนนี้เหมือนกับคนบ้าที่กำลังวิ่งมาราธอนอยู่ มีแต่เรื่องน่าเศร้าเต็มไปหมด!”

Cassie : ขอบคุณที่เดินมาส่งหนูนะคะ พ่อ...

Scott : เอ้อ ไม่เป็นไร พ่อก็อยากจะออกกำลังกายสักหน่อย แล้วก็อีกอย่างก่อนที่พ่อจะลืมไป หนังญี่ปุ่นเรื่องอะไรนะที่ลูกชอบน่ะ เรื่องที่มีเด็กมาฆ่ากันเพื่อเอาชีวิตรอด? มันเหมือนเรื่อง เกมล่าเกม มะ?

Cassie : คนละเรื่องเลยค่ะพ่อ เกมนรกสถาบันพันธุ์โหด (Battle Royal) มันไม่เหมือน เกมล่าเกม (Hunger Game) มันดีกว่านั้นเยอะ เกมล่าเกมมันก็แค่เป็นเวอร์ชั่นที่ตัดเอาส่วนที่ดีเยี่ยมของหนังต่างชาติซึ่งคนอเมริกาไม่ปลื้มออกไป เพราะพวกเขาโง่เกินกว่าที่จะเข้า...

“และนี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมลูกของผมถึงดูเท่กว่าลูกของพวกคุณ”


Scott : โอเค ว่าตามนั้น... ที่ดราฟท์เฮ้าส์จะมีฉายมันวันเสาร์นี้ และพ่อคิดว่าบางทีอาจจะหาตั๋วให้เราได้

Cassie : พ่อค่ะ นั่นมันเยี่ยมไปเลย!

Peggy : ก็คงจะไปได้อยู่หรอก... ถ้าเธอไม่มีกิจกรรมฝึกซ้อมโต้วาทีวันเสาร์นี้

Scott : โอ้ ไง เพ็กกี้

“สัญญาณเตือนภัยเมียเก่าทำงาน สัญญาณเตือนภัยเมียเก่าทำงาน ”

Cassie : หวัดดีค่ะ แม่


Peggy : มันอยู่ในปฏิทินของกูเกิ้ล

Scott : โทษที พอดีการต่ออินเตอร์เน็ตของผมมีปัญหานิดหน่อย

Peggy : แคสซี่ ถึงเวลาทำการบ้านแล้ว

Cassie : ไว้เจอกันค่ะ พ่อ

Peggy : มีปัญหาเรื่องอินเตอร์เน็ต? ก็จ่ายบิลซะสิ สก๊อตต์

Scott : ไม่คิดบ้างเหรอว่าผมอาจจะกำลังประท้วงพวกนั้นอยู่ก็ได้นะ... ก็พวกนั้นชอบทำแย่ๆใส่ผู้บริโภคนี่!


Peggy : แล้วนี่มันอะไร?

Scott : คุณหมายถึงอะไร?

Peggy : นี่คุณไปรับเธอมาจากโรงเรียนงั้นเหรอ?

Scott : ผมรู้ว่าคุณอยากจะพูดว่าอะไร... แต่ที่จริงก็คือผมแค่บังเอิญไปอยู่ตรงนั้นเท่านั้นเอง...

Peggy : คุณบังเอิญไปอยู่หน้าโรงเรียนมัธยมต้นเนี่ยนะ?

Scott : แหงะแซะ ผมเป็นฮีโร่นะ หน้าที่ของผมคือการปกป้องท้องถนนให้ปลอดภัย! โดยเฉพาะถนนที่มีโรงเรียนตั้งอยู่ผมยิ่งต้องจับตาดูเป็นพิเศษ เว้นแต่ว่าผู้พิพากษาจะบอกให้...

Peggy : คุณเข้ามาเยี่ยมได้ มันไม่มีการดูแลอะไรทั้งนั้น ที่คุณต้องทำก็แค่คุยกับฉันให้ชัดเจนแค่นั้น

Scott : ถ้าผมมีเวลาสักอาทิตย์ก็คิดว่าคงจะทำได้อ่ะนะ...

Peggy : เฮ้อ นี่ลูกต้องใช้เวลานานกว่าจะตามทันเพื่อนๆ อีกอย่างคุณอาศัยอยู่ในสตูดิโอนะ สก๊อตต์ คุณไม่มีห้องของตัวเอง...

Scott : ผมไม่จำเป็นต้องใช้ห้อง ผมบอกแล้วไง ผมย่อส่วนเธอกับผม..


Peggy : ไม่มีทาง!

Scott : โอเค! ผมขอโทษ ได้โปรดใจเย็นๆ...

Peggy : ไม่ต้องเลย คุณนั่นแหละที่ต้องฟังฉัน... เพราไอ้การย่อส่วนนั่นจะไม่เกิดขึ้นอีก ไม่มีวัน

Peggy : ฉันไม่เข้าใจคุณเลยจริงๆ จากเรื่องที่ลูกของเราต้องพบเจอมา... แล้วดูคุณสิ... ไปรับเธอมาจากโรงเรียนด้วยชุดบ้าๆนี่?!

Scott : อันที่จริงนี่มันเป็นการออกแบบใหม่เลยนะ! ผมใส่มันไปสัมภาษณ์...


Peggy : กับสตาร์ก! ทำงานให้ไออ้อนแมน นั่นน่ะเหรอที่คุณบอกว่าจะทำให้ แคสซี่ ได้ใช้ชีวิตปกติธรรมดา? คุณคิดจริงๆเหรอว่างานนั่นจะไม่ได้ตามคุณกลับมาถึงบ้าน?

Scott : ก็คุณบอกเองว่าผมต้องการที่ที่มันใหญ่กว่านี้! และความปลอดภัยด้านการเงิน จริงมั้ย?

Peggy : นั่นมัน... ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น คุณก็น่าจะรู้

Peggy : เฮ้อ สก็อตต์ ฉันเลิกที่จะเปลี่ยนแปลงคุณเมื่อนานมาแล้ว เพราะคุณก็คือคุณ แต่ฉันจะขอเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย...

Peggy : ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอต้องล่มจมไปกับคุณ


จากนั้น Scott ก็กลับมายังห้องของเขาที่สกปรกและเต็มไปด้วยมด เขาต้องการที่จะพักผ่อนเพื่อการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ เพื่อเปลี่ยนชีวิตของเขาเองและสำหรับ Cassie ตอนนี้ที่เขาอยากจะรู้ก็คือใครกันที่ Tony คิดว่าจะทำได้ดีกว่าเขา

“มาดูกันว่าพวกเขาจะรับมือกับ มนุษย์มดผู้น่าอัศจรรย์ ได้ยังไง!”

“เอ้อ แต่แน่นอนว่าพวกนั้นต้องตัวใหญ่กว่าผม เพราะผมมันขนาดเท่ามด คุณคงจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร... แต่ยังไงก็ตาม ผมแน่ใจว่า...”


“ผมไม่มีโอกาสแน่ๆ”

เมื่อ Scott เข้ามาถึงเขาก็พบกับ 3 ผู้แข่งขัน Prodigy สมาชิก New X-Men, Victor Mancha อดีตผู้ช่วยของ Hank Pym และวายร้ายสาว Beettle


จากนั้น Tony ก็ออกมาพบกับพวกเขา

Tony : ...ยินเป็นอย่างมากที่ได้เห็นพวกคุณผ่านมาจนถึงจุดนี้ และขอพูดอีกครั้ง ว่านี่เป็นโอกาสของพวกคุณที่จะได้ร่วมงานกับผม แน่นอนว่าพวกคุณสามารถทำได้ ที่จริงผมประหลาดใจนะเนี่ยที่ไม่เห็นพวกคุณมาตั้งแคมป์รอข้ามคืนเหมือนตอนที่แอปเปิ้ลประกาศ แอปเปิ้ลวอช....

Tony : เว้นแต่ว่านี่คือ สตาร์กวอช มันมีทั้งโฮโลแกรม, เทคโนโลยีเลพัลเซอร์ และเทคโนโลยีเอไอระดับสูง และแน่นอนว่าพวกมันทั้งหมดล้วนบินได้

และ Tony ก็เริ่มที่จะอธิบายถึงบททดสอบในวันนี้ (โดยไม่ลืมจิกกัด Scott) ซึ่งเขาได้บอกว่ารวบรวมสิ่งต่างๆที่หลายๆคนชอบมาไว้ด้วยกัน...


นั่นคือ โดรนล่าสังหาร, เลเซอร์สำหรับตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้บุกรุก และกำแพงไวเบรเนียมหนาเป็นพิเศษ ซึ่งเมื่อพวกเขาผ่านมาได้จนถึงด่านสุดท้าย มันคือ การใส่รหัสผ่านลงไปในคอมพิวเตอร์เครื่องแม่ที่คุมการทำงานทั้งหมดของ Stark Industries

Tony : เจาะมันแล้วฉันจะได้แน่ใจว่าพวกนายมีความสามารถพอที่จะทำลายระบบการป้องกันทุกชนิด ซึ่งมันหมายความว่าพวกนายมีความสามารถที่จะสร้างมันให้ดีขึ้นกว่าเดิม และอีกอย่างก็คือ... ทำให้ฉันปลื้ม

แต่ดูเหมือนแต่ละคนจะไม่ไหวกันสักเท่าไร


Tony เลยโยนไม้มาให้ Scott แสดงให้พวกเขาดูแทน ซึ่งแน่นอนว่าระดับ Scott Lang แล้ว... ทำได้ก็บ้าแล้วสิครับ เขาเลยใช้ไม้ตายที่เขาเท่านั้นที่จะมี... นั่นคือการ... แกล้งป่วย ด้วยการใช้อนุภาคพิมทำการย่อส่วนอวัยวะบางส่วนในร่างกาย โดย Scott ได้ใช้มันกับกระเพาะซึ่งเป็นระบบย่อยอาหารทำให้เขาอ๊วกออกมา จนได้เป็นข้ออ้างขอผลัดไปก่อน Tony เองที่เห็นแบบนั้นเลยยอมให้มาต่อในวันพรุ่งนี้

แต่ Scott ก็ต้องเอาหมวกไปทำความสะอาดเพื่อจัดการคราบให้หมด ซึ่งมันก็ยังทำให้เขามีโอกาสอีกครั้ง แต่เขาจะสามารถเจาะระบบนั้นได้จริงๆแน่เหรอ? เขามีทางออกที่ดีกว่านั้น


ปัจจุบัน

“นั่นคือเหตุผลที่ฉันต้องลอบเข้ามาในอพาร์ทเม้นต์ของ โทนี่ สตาร์ก”

“อย่างที่คุณรู้ มันคือตัวเลือกที่สอง โกง ไงล่ะ”

“ถ้านี่คือสิ่งที่ฉันต้องทำเพื่อให้ แคสซี่ ได้มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม งั้นก็ได้เลย และฉันก็รู้ดีว่าเขาจะเอารหัสเครื่องแม่ข่ายนั่นเก็บไว้ที่ไหน... สิ่งที่ง่ายที่สุดที่เขาจะพกพาไปด้วยได้ หมวกของเขาไงล่ะ”

“และฉันก็กำลัง...”

แต่แล้วเขากลับพบว่า Tony และ Beetle กำลัง... กินตับกัน

“เฮ้ย เอาจริงดิ!!”

“บีทเทิล กำลังกินตับกับ สตาร์ก กันตอนนี้เนี่ยนะ?!”

“ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่มันเป็นการโกงกันชัดๆ!”

“เอ่อ ฉันหมายถึง ใช่ ที่ทำอยู่นี่ก็โกงเหมือนกัน แต่... มันต่างกัน! เอาเป็นว่ามันอธิบายยาก!”

“ยังไงก็เถอะ พรุ่งนี้เราจะได้เห็นกันว่าข้อได้เปรียบของเธอ...กับของฉัน อะไรจะแน่กว่ากัน แต่ตอนนี้ฉันต้องหาทางออกไปจากที่นี่...”


“ก่อนที่เรื่องมันจะเลวร้ายลง”

“ขอล่ะ พระเจ้า ขอให้ไอ้นี่มันเสร็จก่อนที่ฉันจะต้องมองเห็น...”

“สายไปแล้ว... สายไปตลอด”

“แต่ยังไงก็ตาม เจ้านี่มันคุ้มค่าแล้ว มาดูกันดีกว่าว่ารหัสเครื่องแม่ข่ายนั่น... ให้ตายดิ เจ้าเครื่องนี่มันโหลดช้าจริง”

“หือ?”

ที่ Scott ประหลาดใจนั้นเป็นเรื่องแน่นอน เพราะเครื่องเจาะระบบของเขาขึ้นว่า “Congratulation” และจากนั้นก็มีกระดาษสีโปรยลงมาเป็นเครื่องหมายถึงการแสดงความยินดีอีกต่อนึง


Tony : ดูเหมือนว่าพวกเราจะได้ผู้ชนะแล้วนะ!

Scott : โทนี่ ฉันไม่รู้จริงๆว่าจะพูดยังไงดี

Tony : เฮ้ ถ้าฉันมองเห็นอย่างที่นายมองเห็นตอนที่เข้ามาในนี้ก็คงจะพูดไม่ออกเหมือนกันนั่นแหละ

Scott : เอาเป็นว่าฉันจะยอมแพ้การแข่งขัน...ดังนั้นขอล่ะ...อย่าแจ้งความเลย ลูกสาวของฉัน...

Tony : แล้วฉันจะแจ้งไปทำเพื่ออะไรเล่า?

Scott : เอ่อ... ก็ลอบเข้ามาในห้องของนาย? แล้วก็พยายามที่โกงการทดสอบของนาย?


Tony : สก๊อตต์ นี่นายไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง? นายชนะ... นี่มันเป็นการทดสอบ และนายก็ผ่านแล้ว

Scott : ห๊า?

Tony : ไอ้ที่ฉันจัดเตรียมไว้ก่อนหน้านี้น่ะ มันไม่มีทางทำได้หรอก

Scott : เหมือน โคบายาชิ มารุ เหรอ?*

Tony : อะไรล่ะนั่น?

Scott : จาก สตาร์เทรค ไง

Tony : อ้อ นายเป็นพวกนั้นด้วยเหรอ**

*Scott พูดถึงข้อสอบยาน Kobayashi Maru ของ Star Trek ฉบับใหม่ภาคแรกที่ถูกตั้งให้ไม่สามารถทำจนผ่านได้

**จุดนี้ผมคิดว่า Tony คงจะหมายถึงว่า Scott เป็น เทรคกี้ หรือประมาณแฟนๆของ Star Trek ครับ


Tony : แต่ช่างมันเถอะ เพราะคนที่ฉันต้องการก็คือ 1) คนที่ต้องการตำแหน่งนี้มากจริงๆจนพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมา และ 2) เขาต้องผ่านระบบรักษาความปลอดภัยของฉันเข้ามาได้จริงๆ

Tony : ฉันจึงตัดสินใจว่าใครก็ตามที่เข้ามาถึงห้องของฉัน และขโมยข้อมูลของฉันไปได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ นั่นแหละคือวิธีการหาหัวหน้าหน่วยงานออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยของฉัน

Scott : แล้วไอ้ที่นายเคยบอกว่าการไม่หาทางลัด หรือวิธีการที่มันง่ายๆล่ะ...

Tony : นี่นายล้อเล่นหรือเปล่า? นายเคยเห็นอัตราค่าภาษีของฉันหรือยัง? เอาล่ะเรามาคุยเรื่องสัญญาการว่าจ้างกันดีกว่า แล้วว่าแต่นายคิดว่าไงสำหรับเรื่องอพาร์ทเม้นต์นี่

Scott : นั่นมันเป็นทีวีที่ใหญ่มากเลยทีเดียว


Tony : ดีเลย มันเป็นของนายแล้ว

Scott : ฉันว่ามันจะไม่เข้ากับห้องของฉันเอานะ....

Tony : ไม่ฉันหมายถึงอพาร์ทเม้นต์นี่ ตอนนี้ฉันเป็นอเวนเจอร์ของฝั่งตะวันตกแล้วนะ ช่วงนี้ฉันแค่มาจัดการเรื่องนี้เท่านั้น ส่วนมากห้องนี้เลยว่าง... แล้วทำไมเราถึงไม่รวมมันไปอยู่ในเอกสิทธิ์พนักงานของนายเล่า

Tony : และฉันจะทำให้แน่ใจว่าพวกเขาทำความสะอาดห้องนี้ให้หมดจดแน่นอน

Tony : แล้วนายรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองโชคดีมาก... เพราะฉันคิดว่าบีทเทิลก็คิดที่จะทำแบบเดียวกับนาย หลังจากที่เธอเสร็จกิจกับฉันแล้ว...

Beetle : นายนี่มันน่าเกลียดจริงๆ


Beetle : นี่นายคิดจริงๆเหรอว่าฉันจะนอนกับนายน่ะ? รวมไปถึงเรื่องที่ฉันต้องการงานของนาย? ที่จริงฉันมีงานอยู่แล้ว...

Beetle : งานรับจ้างลอบสังหารไงล่ะ

Beetle : นี่สำหรับผู้หญิงในสถานที่ต่างๆ!

Scott : โทนี่ ระวัง!

Scott ที่เห็นเข้าพอดีได้ย่อส่วนเข้าไปในปืนพลังงานของเธอ


“ฉันรู้จักปืนพลังงานนี่ มันเป็นหนึ่งในโมเดลของฟิกเซอร์ และมันไม่มีปัญหาอะไรที่จะปิดการทำงานของมันจากภายใน...”

“นั่นคือในการกรณีที่ฉันมีเวลามากกว่าแค่เสี้ยววินาทีนะ”

“แล้วถ้าไม่มีน่ะเหรอ มันก็คงจะเป็นการตายที่ดีล่ะมั้ง ไอ้การเสี่ยงดวงเพื่อรวยจนตายเนี่ย”

Beetle : เวรเอ๊ย! ไว้เจอกันใหม่แล้วกัน!

Tony : เป็นการเพิ่มโบนัสเข้าทำงานที่เยี่ยมมาก แลง! จากนี้ไปฉันรับช่วงต่อเอง


Scott ได้กลับมาจากตึกของ Tony ในแบบที่มีความสุขสุดๆ และรีบไปที่บ้านของ Peggy เพื่อบอกเรื่องนี้แต่เขากลับว่าเธอกำลังแพ็คกล่องคล้ายกำลังจะย้ายออกไป และบอกอีกว่า Cassie ไม่อยู่ที่นี่แล้ว เธอกำลังจะบินไปหาพี่สาวของ Peggy ที่ Miami โดยก่อนหน้านี้เธอโทรติดต่อหา Scott ตลอดแต่เขาไม่ยอมรับสาย Scott จึงบอกเลยว่าเขามีปัญหาเรื่องโทรศัพท์เหมือนกัน จากนั้น Scott ถึงถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น


Peggy : พวกเรากำลังจะกลับบ้าน สก๊อตต์ พวกเราจะอยู่กับ ทรีน่า สักพัก ในขณะที่ฉันหาที่อยู่ใหม่

Scott : คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้... ผมมีสิทธิที่จะเข้ามาเยี่ยมนะ

Peggy : และคุณสามารถมาเยี่ยมพวกเราเมื่อไรก็ได้

Scott : นี่คุณคิดที่จะทำแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?

Peggy : ฉันคิดมาได้สักพักแล้ว จนกระทั่งคุณโผล่หัวมาเมื่อวาน... ฉันเลยคิดว่ามันอาจจะถึงเวลาลงมือแล้ว

Scott : ผมไม่อยากจะเชื่อเลย... เธอเป็นลูกสาวของผมเหมือนกันนะ เพ็กกี้ คุณจะพรากเธอไปจาก...

Peggy : ไม่เอาน่า สก๊อตต์ คุณก็รู้ว่าเด็กต้องเติบโตขึ้นมาสักวัน และนี่ก็ไม่ใช่เกี่ยวกับคุณเท่านั้น... เมืองนี่มันมีพวกฮีโร่บ้าๆใส่ชุดแฟนซีแบบนั้นมากพอแล้ว ถ้าอยู่ที่นี่เธอจะไม่ปลอดภัย

Scott : ผมบอกคุณแล้ว ผมปกป้องลูกได้...


Peggy : หรือไม่งั้นพวกเราก็น่าจะย้ายเธอออกไป ไปยังสถานที่ที่ไม่มีเรื่องพวกนี้... หรืออย่างน้อยก็คือไม่ได้เกิดขึ้นทุกบล็อค สถานที่ที่เธอจะได้ใช้ชีวิตปกติแบบเด็กปกติกับเพื่อนๆที่เป็นคนปกติ...

Scott : โดยปราศจากพ่อของเธอที่ไม่ใช่คนปกติ

Peggy : เฮ้อ... ฉันเองก็ไม่ชอบแบบนี้เลยจริงๆนะ สก๊อตต์ คุณอาจจะไม่ใช่สามีที่ดี... แต่สำหรับการเป็นพ่อคน... ฉันรู้ว่าคุณทำดีที่สุดแล้ว

Peggy : และฉันรู้ว่าคุณอยากจะให้ แคสซี่ ได้ในสิ่งที่ดีที่สุด... นั่นถึงทำให้ฉันบอกให้คุณคิดให้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ คิดเกี่ยวกับชีวิตที่เธอ... ลูกของเรา... สมควรจะได้รับจริงๆ และถ้าคุณซื่อสัตย์กับตัวเองเสียหน่อย ฉันคิดว่าคุณน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

“อันที่จริงก็คือ... ผมไม่รู้จริงๆ”

“ที่ผมอยากจะบอกก็คือ ผมเห็นแก่ตัวเกินไปเหรอ? แล้ว แคสซี่ จะมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าถ้าออกไปที่อื่นนอกจากที่นี่จริงๆงั้นเหรอ?”


จากนั้น Scott ก็คิด และเขาก็เห็นด้วยว่าเมืองนี้มันตราย มันถูกรุกรานอยู่บ่อยครั้งหรือไม่ก็ถูกพาไปยังมิติอื่น และหากเขาได้งานนั่นเขาก็สามารถที่จะส่งเสียเธอได้ มันคือช่วงจังหวะเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เขารอมาโดยตลอด แต่หากเขาเลือกรับงานของ Tony เขาก็ต้องแลกกับการมองดูลูกเติบโต, อยู่ใกล้ชิดกับลูก และเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ

“เอาล่ะ ถึงเวลาต้องตัดสินใจแล้ว สก๊อตต์ ชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม.... หรือการต่อสู้กับเมียเก่าแบบไม่รู้จบ ซึ่งอาจจะทำลายชีวิตของลูกได้?”

“ฉันคิดว่ามันมีเพียงคำตอบมาโดยตลอด”

และในวันถัดมา วันงานของ Tony

Tony : โอเว็น-- นี่ โทนี่ พูด ฉันอยู่หน้างานแถลงการณ์แล้ว แถมดูเหมือนตัวตลกเลยด้วย เพราะพวกเราควรจะประกาศแผนกใหม่ของเราพร้อมกับหัวหน้าหน่วยงานรักษาความปลอดภัยคนใหม่... แต่มันดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีสักคน!

Tony : ฉันอยากให้นายติดต่อไปหา มาเรีย ฮิลล์... นิค ฟิวรี่... ฉันไม่สนว่าจะเป็น ฟิวรี่ คนไหน... ถึงจะต้องไปชุดเอาศพของวอชเชอร์ขึ้นมาก็เถอะ... มันจะต้องมีคนบอกฉันได้...

Tony : ว่าเจ้ามนุษย์มดนั่นมันหายหัวไปทำซากอะไรอยู่ที่ไหน?!!

ปัจจุบัน Scott นั่งอยู่ในกระเป๋าใบหนึ่งบนเครื่องบิน


และแน่นอนว่าที่หมายของเขาก็คือที่ที่ลูกสาวของเขาอยู่

“ใช่แล้วตามนั้น ไมอามี่”

“จริงๆแล้วฉันก็เติบโตขึ้นมาที่นี่นะ เหมือนกับ เพ็กกี้ นี่เลยดูเหมือน “การกลับมาบ้านเก่าอันแสนหวาน” อยู่นิดหน่อย"

“เว้นแต่ว่าฉันไม่มีบ้านอยู่ให้คิดถึงนี่สิ”

ที่ร้านขายของเล่น

Owner : ลูกของคุณอายุเท่าไรเหรอครับ?

Scott : 14 ครับ และที่จริงมันไม่ใช่สำหรับเธอนะ แต่มันสำหรับผม

Owner : หือ นี่คุณเป็นพวกนั้นเองหรอกเหรอ

Cassie : พ่อคะ เร็วเข้าสิ!


Scott : โทษทีพอดีพ่อไปซื้อป๊อปคอน....แบบใช้เตาไมโครเวฟมาจากเซเว่น รู้สึกเหมือนมันจะอยู่ไกลเป็นไมล์เลย

Cassie : เก้าอี้นี่มันเป็นพลาสติกนี่

Scott : มันดีกับหลังของลูกนะ ใช้กระดาษทิชชู่คลีเน็กซ์มาทำเป็นผ้าห่มก็ได้นะ ตอนนี้ เอ... เราคงไม่อยากจะบอกแม่ของลูกเกี่ยวกับที่นี่หรอกมั้ง จริงมั้ย?

Cassie : มันรู้สึกเหมือนได้อยู่ในห้องสวีตของโรงแรมหรูดีออก

Scott : ไม่เอาน่า ดีแค่ไหนแล้วที่เธอให้ลูกได้มีเวลามาอยู่ที่นี่ พวกเราไม่ควรจะทำให้เธอต้องเสียใจภายหลังนะ

Cassie : ชิ.... ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีนิดหน่อยหลังจากที่เธอทำลายชีวิตของหนู

Scott : เฮ้ ลูกน่าจะเข้าใจไม่ใช่เหรอ ว่าแม่เขาไม่ใช่คนเลวร้ายน่ะ? พ่อต่างหาก แม่เขาก็แค่เป็นห่วงลูก เธออยากจะทำให้แน่ใจว่าลูกปลอดภัย


Cassie : หนูก็พอจะเข้าใจ...

Scott : พ่อก็เชื่อว่าอย่างนั้น ทำตัวดีๆกับเธอหน่อยละ

Cassie : แล้วเมื่อไหร่พ่อจะบอกแม่ล่ะคะว่าพ่อไม่ได้แค่มาเยี่ยมเฉยๆน่ะ?

Scott : เอาไว้ก่อน ตอนนี้หนังที่ถล่ม เกมล่าเกม ของลูกเริ่มฉายแล้วนะ

“ผมชื่อ สก๊อตต์ แลง ผมคือ มนุษย์มด... บลา บลา บลา คุณได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว”

“เรื่องจริงก็คือ ผมเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีปัญหายุ่งยากเต็มไปหมด”

“ก่อนหน้านั้นผมก็คือ อาชญากร, นักโทษ และสามีที่เลวร้าย ซึ่งมันคงจะไม่พอที่จะบันทึกลงในหนึ่งหน้าใบประวัติของคุณแน่ๆ”

“แต่ผมก็ได้ลูกสาวคนนี้มา... มันทำให้ผมอยากจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่ผมจะทำได้ให้ดีที่สุดเพื่อเธอ ผมจะต้องเป็นพ่อที่ดี แล้วผมจะทำได้มั้ยน่ะเหรอ? ผมถือว่าผมชนะไปเรียบร้อยแล้ว”

“แถมตอนนี้ยังมีทีวีจอยักษ์อีกด้วย! นั่นมันก็น่าจะพอนับได้ใช่มั้ย?”


เล่มหน้า

ยินดีต้อนรับ Ant-Man สู่ Miami


คุยกันท้ายเล่ม

เล่มนี้เรียกได้ว่าอธิบายความเป็นมาทั้งหมดของ Scott Lang จริงๆ รวมไปถึงปัญหาที่เขาต้องเผชิญอีกด้วย ตัวเล่มอาจจะไม่ได้มีฉากต่อสู้ที่หวือหวาอะไร แต่มันเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้เราได้รับรู้ถึงตัวตนของ Scott Lang มากขึ้นครั้บ

สำหรับเล่มหน้าก็มาดูต่อไปว่า Ant-Man ของเราจะต้องเผชิญกับปัญหาแบบไหนที่ Miami ซึ่งห่างไกลจากฮีโร่และวายร้ายแบบนี้...

ส่วนวันพฤหัสนี้จะมาต่อกันกับ Scarlet Spiders #2 ครับ

8 comments:

  1. Tony คงแบบว่าเจอกันหน้า คงทักทาย ด้วยเลเซอร์พลังสูงแหง

    ReplyDelete
  2. สงสัยอย่างเดียวโทนี่ กับวายร้ายสาวกินตับกันยัง

    ReplyDelete
  3. ความรันทดนี่ Spider-Man ชิดซ้ายเลย

    ReplyDelete
  4. เล่มนี้ผมให้10เต็มเลย รู้สึกว่าถ่ายทอดชีวิตคนปกติที่ชีวิตผ่านสีสันหลายแบบแล้วมาเป็นฮีโร่
    น่าติดตามเหมือนดูreality showชีวิตฮีโร่

    ReplyDelete
  5. ไล่เรียงมาดีคับ เปิดตัวดี ตอนแรกว่าจะอ่านข้าม ๆพออ่านตามแล้ว อ่านจนจบเลยขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  6. ขอบคุณครับ ใครน่าสงสารกว่ากัน เนี่ย มดหรือแมงมุม

    ReplyDelete
  7. มดกับเเมงมุม พวกฮีโร่ที่มีสัญลักษณ์เป็นเเมลงนี่ซวยทุกคนเลยรึ่ปล่าว?

    ReplyDelete
  8. ชีวิตน่าสงสารพอๆกับสไปดี้ 55

    ReplyDelete