Wednesday, January 8, 2014

comics New #1 (2014) : 1' January

1. Preview FOREVER EVIL: ARKHAM WAR #4
2. Preview Avengers World #1
3. Preview All-New X-Factor #1
4. Preview All-New Marvel Now! Point-One #1
5. Preview Action Comics #27
6. Preview Cable & X-Force #18
7. Preview REVOLUTIONARY WAR: ALPHA #1
8. Preview Injustice : Year Two #1
9. Preview Earth-2 #19
10. Preview CATACLYSM: THE ULTIMATES' LAST STAND #3
11. Death of The Watcher in "Original Sin"

Death of The Watcher in "Original Sin"


การฆาตกรรมอันเป็นปริศนาได้เกิดขึ้นในจักรวาล Marvel แล้ว และผู้ที่ถูกฆาตกรรมก็คือ ผู้เฝ้ามองทุกสรรพสิ่ง Utau The Watcher ซึ่งเขาถูกพบว่าตายอยู่บนดวงจันทร์ของเขาเอง และนั่นทำให้ Avengers และเหล่าฮีโร่ของโลกต้องรวมตัวกัน เพื่อปกปิดความลับอันดำมืดนี้ไม่ให้มีการแพร่งพรายออกไป และนี่คือจุดเริ่มต้นของ Crossover Event ใหญ่ในที่จะเริ่มในเดือนพฤษภาคมนี้

"มันคือข้อมูลที่ถูกนำมารวมกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันคือข้อมูลที่ดำมืดซึ่งยังไม่เคยมีใครรับรู้มาก่อน แต่นอกจากนี้มันยังเป็นข้อมูลที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ...และทั้งหมดนั่นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสียทีเดียว" นี่คือคำพูดของ Tom Brevoort บรรณาธิการของ Marvel ซึ่งจากสิ่งต่างๆที่ถูกนำเสนอออกมานี้เขายังบอกว่ามันจะแสดงให้เห็นถึงแก่นแท้ของตัวละครตัวนี้

โดยซีรี่ส์หลัก Original Sin นั้นจะเขียนเรื่องโดย Jason Aaron และภาพโดย Mike Deodato Jr. มีจำนวนทั้งหมด 8 เล่ม ออกยาว 4 เดือน โดยจะเน้นไปยังการสืบหาเงื่อนงำของคนร้าย

และในงานนี้ Nick Fury อดีต ผบ.หน่วย SHIELD สุดยอดสายลับระดับพระกาฬก็จะแสดงความสามารถในการสืบสวนเรื่องราวของเขาให้เห็น ร่วมกับ Captain America, Iron Man, Thor และคนอื่นๆ เป็นทีมหลัก แต่มันก็ยังมีการสืบสวนของกลุ่มอื่นๆอีกเช่น Punisher, Doctor Strange, Emma Frost, Ant-Man และ Black Panther


แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ ใครก็ตามที่เป็นคนฆ่า The Watcher เขาคนนั้นก็ขโมยหนึ่งในสิ่งที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาล Marvel ไป และนั่นก็คือสรรพความรู้ต่างๆที่ The Watcher ได้รวบรวมไว้ตั้งแต่กำเนิดของจักรวาล Marvel ซึ่งประวัติศาสตร์ที่ถูกเก็บซ่อนไว้เป็นความลับจะถูกตีแผ่ออกมาในหัว Tie-In ต่างๆในแต่ละซีรี่ส์อย่าง Wolverine หรือ Spider-Man

Original Sin เล่มแรกจะออกในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเป็น #0 เรื่องโดย Mark Waid ภาพโดย Jim Cheung โดยจะเป็นบทเกริ่นนำ ที่เป็นความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดของ The Watcher และ Nova คนใหม่ และสำหรับใครที่ไม่รู้จัก The Watcher ในเล่มนี้แหละ ที่จะทำให้คุณรับรูเรื่องของเขาอย่างรวดเร็ว มันจะบอกทุกๆอย่างที่คุณควรจะรู้ เพื่อที่เขาจะได้ตายในเล่มหน้า

โดยสำหรับตัวฆาตกรพวกเขาจะใส่เงื่อนงำมาอย่างหลากหลาย รวมถึงตัวตนที่จะระบุตัวของเขาด้วย และในตอนสุดท้ายมันจะทำให้ผู้อ่านต้องทรุดเลยทีเดียว ซึ่งตัวผู้เขียน Aaron ก็บอกว่า "นี่มันไม่ใช่แค่การเอาคน 5 คนมายืนแล้วสังเกตว่าใครใน 5 คนนี้ที่เป็นคนลั่นไก", "มันมีอะไรที่มากกว่านั้นเยอะมาก"

Credit : USA Today


CATACLYSM: THE ULTIMATES' LAST STAND #3



จักรวาล Ultimate, Monica Director of Shield กำลังจ่อบาซูก้าไปยังประตูมิติ เพราะพวกเธอเพิ่งจะส่งคนที่เลวร้ายที่สุดของพวกเธอออกไป แต่ Tony ก็บอกว่าพวกเขาก็ส่งคนที่ดีที่สุดไปเหมือนกัน และที่ Monica ทำก็เพื่อเตรียมพร้อมหากสถานการณ์มันเลวร้ายจริงๆ และใครบางคนก็กำลังจะออกมา



และก็เป็น Spider-Man : Miles ที่ปรากฎตัวออกมาจากรอยแยกมิติในสภาพบาดเจ็บสาหัส และบอกว่าเขากำลังจะมา



จากเล่มที่แล้ว Reed อาสาที่จะเป็นคนข้ามไปยังจักรวาลหลักเอง เพื่อตามหาหนทางที่จะจัดการกับ Galactus จาก Reed ในจักรวาลหลัก แต่เหล่า Ultimates ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะปล่อยให้เขาซึ่งเป็นวายร้ายอันดับหนึ่งในตอนนี้ออกไป แต่ยังไงก็ตามพวกเขาไม่มีทางเลือก ทาง Iron Man ก็เหมือนจะคิดอะไรได้ จึงรีบนำตัว Miles ออกไปเพื่อพูดคุยบางอย่าง


อีก 1 เล่มก็จะเข้าสู่ตอนอวสานแล้วสำหรับ Cataclysm มาดูกันว่า Miles และ Reed จะพบกับอะไรในจักรวาลหลัก และมันจะช่วยเหลือพวกเขาในการโค่นล้ม Galactus ได้หรือไม่?

Earth-2 #19


ที่ฐานของกองกำลังโลกที่ Arkham

Red Arrow พบว่า Superman ได้จากไปแล้ว ซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้ทำไม แต่ตอนนี้เขาต้องรีบพา Dr.Fate ไปยังศูนย์พยาบาลโดยด่วน และทางทหารกองกำลังโลกก็พบว่ามันมีเมฆกลุ่มหนึ่งกำลังบังดวงอาทิตย์ แต่สำหรับ Red Arrow แล้วเขารู้ว่านั่นไม่ใช่เมฆ


แต่มันคือ กองกำลัง Parademons


ทางพวก Batman เองก็กำลังจะหาทางหนีออกไปจากที่นี่ แต่แล้ว Olsen ก็บอกว่าพวกเขายังไม่ไปไม่ได้ เพราะมันยังมีเอเลี่ยนอีกตนอยู่ที่นี่ ซึ่ง Sloan เป็นคนขังเขาไว้ และนั่นคือเหตุผลที่ Olsen โดนขังเพราะเขารู้เรื่องนี้จากการแฮ็คเข้าสู่ไฟล์ของ Sloan


และ Red Tornardo ก็ตรวจพบว่ามันมีชั้นล่างอยู่ Aquawoman จึงทุบพื้นและลงไปในทันที แต่ที่ด้านล่างกลับมีทหารของกองกำลังโลกอยู่


พร้อมกับปืนลำแสง และพวกเขาที่กำลังตกใจก็ลั่นไกใส่ Aquawoman ที่ลงมาในทันที


ปริศนามาอีกแล้ว... เอเลี่ยนที่ว่าคือใครอีกล่ะเนี่ย? Martian Manhunter? ติดตามได้ในเร็วๆนี้


Injustice : Year Two #1


ในอดีต

Oliver, Hal และ Dinah มาดื่มเหล้ากันที่บาร์แห่งหนึ่ง และ Oliver ก็โดนชายแก่คนหนึ่งหาเรื่อง

??? : ฉันว่า ฉันได้ยินแกบ่นอะไรเกี่ยวกับฉันใช่มั้ย ไอ้เครางอน

Oliver : ฉันว่าฉันแค่พูดในใจเองว่ะ โทษที แต่มันก็จริงอ่ะ

Dinah : เฮ้ แกมีโอกาสเดียวที่จะได้เดินออกไปโดยไม่เจ็บตัว เพราะมีแค่ฉันคนเดียวที่ทำแบบนั้นกับเขาได้

??? : อะไรแว๊ นี่แกต้องให้แฟนมาปกป้องเลยเหรอ

Oliver : ไม่อ่ะ ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอปกป้องซักกะติ๊ดเดียว



Oliver : ฉันก็แค่ชอบเวลาที่เธอทำแบบนั้นก็เท่านั้นเอง

และไม่ขาดคำ Dinah ก็เล่นงานพวกจิ๊กโก๊ลงไปกองกับพื้น



แต่ตอนนี้ช่วงเวลานั้นเป็นเพียงแค่อดีตเท่านั้น... เพราะ Oliver ได้จากพวกเขาไปแล้ว ตลอดกาล



Superman : พวกเราพอจะคุยกันหน่อยได้มั้ย

Superman : ผมขอโทษ... มัน... เป็นอุบัติเหตุ ผมไม่เคยคิดที่จะทำร้ายเขาเลยจริงๆ

Superman : ได้โปรด พูดอะไรบ้างเถอะ

Black Canary : นายอยากให้ฉันพูดอะไรจริงๆงั้นเหรอ?



ถ้าให้เดานะ หน้าต่อจากนี้มี 2 แบบ Black Canary หันกลับมาด่าแบบธรรมดา กับอีกแบบ หันมาแว๊ดด้วยพลังเสียงของเธอ และนี่คือการเริ่มต้นปีที่สองของ Injustice ครับ

REVOLUTIONARY WAR: ALPHA #1


London

กลุ่มคนงานก่อสร้างมาดูสิ่งของบางอย่างที่พังลงมายังชั้นใต้ดิน และถูกจู่โจมโดยสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่ง


และคนที่มาช่วยพวกเขาไว้ก็คือ Captain Brtitain และ Pete Wisdom ผู้มีพลังพิเศษของอังกฤษ โดย Pete จำพวกตัวประหลาดพวกนี้ได้ ว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างโดย Mys-Techs ซึ่งเขาก็คิดว่าพวกมันโดนกำจัดไปเมื่อหลายปีก่อน


ซึ่งตัว Pete นั้นทำงานให้หน่วยงานลับของอังกฤษ MI-13 และเขาก็เป็น Mutant อีกด้วย ซึ่งหลังจากที่จัดการพวกมันจนหมด เขาก็มาตรวจสอบดูพบว่าสถานที่แห่งนี้เป็นฐานลับของ Mys-Techs ที่น่าจะถูกทำลายไปจนหมดแล้ว จนเขาอยากจะรู้ว่าทำไมมันเพิ่งจะปรากฎออกมา แต่ใครบางคนก็บอกว่า นั่นเป็นข้อมูลลับ


และเขาคนนั้นก็คือ Keller เจ้าหน้าที่จาก Shield ซึ่งนั่นทำให้ Pete ไม่พอใจอย่างมาก เพราะนี่น่าจะเป็นงานของ MI-13 แต่จู่ๆกลับโดนพวก SHIELD มาแย่งไป แต่ Captain Britain ก็บอกว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือของ SHIELD เนื่องจากวิสัยทัศน์ของทางยุโรปมันใช้การไม่ได้แล้ว และสิ่งต่างๆก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว


หัวเล่ม Revolutionary War นี้เป็นการรวมกลุ่มของเหล่าฮีโร่ในทวีปยุโรป (UK) ซึ่งต้องบอกจริงๆว่าผมไม่รู้จักสักเท่าไร (ที่พอรู้จักก็มีแค่ Captain Britain เท่านั้น) เพราะเรื่องนี้คือการต่อยอดจากเรื่องราวของ Marvel UK ที่ตีพิมพ์เมื่อ 20 กว่าปีก่อนครับ

แต่สำหรับคนที่อยากลองเปลี่ยนแนวไปอ่านฮีโร่ของอังกฤษดูบ้างก็ติดตามกันได้นะครับ ซีรี่ส์นี้น่าจะออกยาวๆอยู่ในปีนี้

Cable & X-Force #18


ที่ฐานของ Cable

Hope เฝ้าฝันร้ายอยู่ทั้งอาทิตย์ ฝันถึงเรื่องที่มีคนไล่ตามล่าเธอ และคนคนนั้นได้เล่นงานพ่อของเธอ "Cable" จนนอนจมกองเลือด และใบหน้าของเขาคนนั้นก็คือ Bishop อดีตผู้ที่ตามล่าเธอ และเป็นสัตว์ร้ายของเธอตลอดมา


Hope ที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาจึงไปหยิบหาของกินเพื่อคลายเครียด และได้ยินเสียงเพลงออกมาจากห้องของ Boom เธอจึงรองเดินไปดู ก็พบว่า Boom กำลังเต้นพร้อมดูอะไรอยู่


Hope จึงเข้ามาดูว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ และพบว่าที่ทีวีมีภาพของ Stryfe โคลนของ Cable ฉายอยู่ เธอจึงอยากว่าตกลง Boom กำลังดูอะไรอยู่กันแน่ Boom จึงบอกว่าเธอดูภาพของอนาคตที่ Cable มองเห็นในขณะที่เขากำลังหลับ และนี่คือหนึ่งในภาพนั้น แล้วจึงถาม Hope ว่ามาทำอะไรดึกๆแบบนี้ Hope จึงบอกว่าเธอแค่ฝันร้าย... แต่แล้วเธอกลับเห็นบางอย่างบนจอที่ทำให้เธอต้องตกใจจนทำไอศกรีมหล่น


และมันคือภาพของ Bishop ที่ตอนนี้อยู่กับทีม Uncanny X-Force นั่นเอง Hope ที่เห็นภาพก็ขอพิกัดเวลาและสถานที่ทันที และมุ่งตรงไปยังโรงเก็บอาวุธเพื่อเตรียมของออกไป เพราะเขาคือผีร้ายที่หลอกหลอนเธอมากว่า 16 ปี จนตอนนี้เธอพบว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ยังไงก็ตามเธอไม่ใช่เด็กคนเดิมที่ไร้ทางสู้อีกต่อไปแล้ว


“VENDETTA” PART I บทแรกของการปะทะกันของ X-Force ทั้งสองทีม ที่จะนำไปสู่บทสรุปจนเหลือเพียง All-New "X-Force" เพียงทีมเดียวในเดือนหน้าครับ

อีเวนต์นี้ 4 เล่มจบ ซึ่งจะจบในเดือนนี้เลย

Action Comics #27


ในอดีต ตอนที่ Clark อายุได้ 7 ขวบ เขารับรู้ว่าไม่มีอะไรในโลกที่จะทำร้ายเขาได้ และวันนี้เขาก็เริ่มมีความคิดที่บ้าๆที่จะลองบินดู โดยขึ้นไปโดดลงมาจากต้นไม้ใหญ่ ซึ่งจริงๆแล้วเขาก็โดดลงไปจนหัวฟาดหินไปแล้ว 2 หน แต่ก็ยังไม่เลิก และตอนนี้เขาคิดว่าหูของเขามันดูอื้อๆ แต่แล้วจู่ๆกลับได้ยินทุกอย่างชัดเจนมากขึ้น เขาได้ยินเสียงของนกที่กำลงคุ้ยดินซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ 300 ฟุต ดังเหมือนเสียงกระสุนปืนถูกยิงออกมาที่ข้างหู


แล้วจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของทุกๆอย่างที่อยู่ห่างไกลออกไป รวมถึงเสียงพูดคุยของพ่อแม่ของเขาที่เริ่มกลัวที่เขาขึ้นไปโดดลงมาจากต้นไม้แบบนั้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ว่าคนอื่นๆจะจับได้ว่าเขาไม่ใช่ "มนุษย์" และมันก็เป็นความจริงที่เสียดแทง Clark ตัวน้อยคนนี้ แต่จริงๆแล้วในใจของ Clark น้อยเอง เขาก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่เขาไม่รู้จะรับมือกับความคิดนี้อย่างไร


จากนั้นเขาก็เริ่มหลบหน้าจากครอบครัว จนพวกเขาเริ่มจับได้ และรวบรวมความกล้าบอกความจริงกับเขา พร้อมกับมอบผ้าที่ห่อตัวเขามาให้ โดยครอบครัว Kent คิดว่าคนที่ใส่มันมากับเขานั้นรักเขามาก และตัว Clark ก็คิดเช่นกัน ว่าครอบครัวที่ส่งเขามานั้นรักเขา รวมไปถึงครอบครัวนี้ที่ช่วยเหลือและเลี้ยงดูเขามาด้วยเช่นกัน


และตอนนี้เขาก็เอามันมาให้เจ้าสัตว์ร้ายตัวเล็กที่ปะทะกับเขาในบทที่แล้ว และมันก็ใช้ผ้าคลุมผืนนี้เป็นที่นอนของมัน โดยเจ้าตัวเล็กนี้คือสิ่งมีชีวิตที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ และมันกลายร่างเป็นมังกรสายฟ้าขนาดยักษ์เข้าต่อสู้กับเขาในเล่มที่แล้ว และตอนนี้มันก็ดูจะดีขึ้นแล้ว เขาจึงทักทายมันไป


โดย Superman มาพูดคุยกับมันว่าเขาจะต้องหาให้ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้มันกลายร่าง และมันมาจากไหน แต่จนกว่าจะเขาจะรู้คำตอบอาจจะต้องให้มันอยู่ในนี้ไปก่อน เจ้าตัวน้อยเลยปล่อยสายฟ้าออกมา พร้อมพูดว่า Baka! ที่ Superman ตีความเป็นชื่อของมัน จากนั้นมันก็ใช้สายฟ้าช๊อตใส่ฝาแก้วที่ครอบอยู่จนมันเปิดออกมาเอง


เล่มนี้งานภาพดูสวยไม่ใช่น้อยเลย และเป็นคนละคนกับ Aaron Kuder ผู้วาดปกอย่างแน่นอน ส่วนเนื้อเรื่องในช่วงเด็กนี่ ผมคิดว่าผู้แต่งบรรยายเรื่องราวออกมาได้ดีจริงๆ


All-New Marvel Now! Point-One #1


บน Planet Sin

ใครบางคนมาเพื่อเดิมพันกับมนุษย์ต่างดาวที่นี่ ซึ่งเขาได้เดิมพันด้วยเงินกว่า 8 ล้านการ์แลคติคเครดิต กับอัญมณีหายากอีก 2 ก้อน พร้อมภาพกับลายเซ็นต์ของ Dazzler และของที่เขาต้องการ คือหนึ่งในกุญแจที่เทพแห่งทางเหนือ (กลุ่มเทพของ Odin) ได้สร้างไว้ และผู้ที่มีมันจะได้พบกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่

โดย ทางเจ้ามือนั้นได้ไพ่ที่ดีมากๆ แต่ทางผู้ท้าพนันกลับได้ที่ดีกว่านั้น และเป็นชุดเดียวที่จะเอาชนะได้ จนฝั่งเจ้ามือคิดว่าต้องโกงแน่ๆ


แต่ผู้ท้าพนัน Loki ก็บอกว่า เขาไม่ได้โกงสักนิด และถ้าจะให้แสดงให้ดูเขาก็ทำให้ดูได้อีกเป็นร้อยๆครั้ง พร้อมโปรยไพ่ลักษณะเดียวกันจำนวนมากออกไป และรีบหยิบกุญแจเผ่นออกไปทันที โดย Loki มุ่งหน้ามายังกุญแจนี้เพราะเขารู้ว่ามันทำอะไรได้ และมันคือสิ่งที่จะนำการผจญภัยครั้งใหม่มาให้กับเขา


อีกหนึ่งเรื่องราว ที่ดวงดาว Nauticos

Silver Suffer ได้พาสาวชาวโลกมายังดวงดาวแห่งนี้ ที่ดูจะหวาดกลัวว่าผู้ส่งสารเดินทางมายังดวงดาวของพวกเขา แต่เป้าหมายจริงๆของ Silver Suffer ก็คือ เทศกาลแห่งแสงที่จะจัดขึ้นในคืนนี้


ซึ่งบางคนก็เข้าใจว่าเขามาดูเทศกาล แต่ยังไงชาวเมืองบางส่วนก็ยังดูจะหวาดกลัวเขาอยู่ ทำให้สาวชาวโลกสับสนว่าทำไมพวกเขาถึงเรียก Silver Suffer ว่า "ผู้ส่งสาร" แทนที่จะเป็นชื่อ "Norrin" ทำให้ Silver Suffer ต้องบ่ายเบี่ยงไปก่อน และคิดว่าจะเป็นการดีกว่าถ้าเขาเอาร่างสีเงินนี่ลงไปได้


เดือนนี้จะเปิดฉากเข้าสู่ Wave 2 ของ Marvel Now! ใน All-New Marvel Now! อย่างเป็นทางการ


ปก Variant Cover


All-New X-Factor #1


Dr.Hoffman กับนักวิทยาศาสตร์อีกคน กำลังทำวิจัยบางอย่าง และพรุ่งนี้จะเป็นวันสำคัญของพวกเขา แต่ใครบางคนก็พูดกับเขา ซึ่งคนปริศนาคนนั้นก็บอกว่าถ้าเขาหลุดไปได้จะฆ่า Dr.Hoffman เป็นคนแรก


และที่ไหนสักแห่ง Gambit กำลังคิดที่จะโจรกรรม ปฎิมากรรมที่เกี่ยวข้องพลังเวทมนต์ดำบางอย่าง ซึ่งเขาสามารถลอบเข้าไปได้อย่างงาย จนกระทั่งใครบางคนได้เข้ามาทำให้ Gambit ต้องประหลาดใจ


และนั่นก็คือ Wolverine ที่มาเพราะได้รับข้อความจาก Tony (คนที่ติดตั้งระบบเตือนภัยในบ้านหลังนี้) ว่าตรวจพบ Gambit บุกรุกเข้ามา และเขาก็คุยกับเจ้าบ้านไว้แล้ว เซ็นเซอร์จึงไม่ทำงาน และ Wolverine มาที่นี่เพื่อเตือนไม่ให้ Gambit เอารูปปั้นออกไป เพราะไม่มีอะไรการันตีได้ว่ามนต์มันเสื่อมไปแล้ว อีกอย่างเพื่อรับตัว Gambit กลับไปยังโรงเรียน


ซึ่ง Wolverine นั้นรู้เรื่องของ Gambit มากกว่าที่เขาคิด เขารู้ว่า Gambit ทำงานร่วมกับ Joelle จากปากคำของ Rogue และยังรู้อีกว่า Gambit ตั้ง กิลหัวโขมยของเขาเอง (เรื่องเกิดในเล่มของ Gambit)  แต่ Wolverine ก็ไม่ค่อยชอบที่เขาทำอย่างนั้น เพราะยังไงเขาก็เป็นอาจารย์ เขาควรจะคิดถึงตัวเด็กนักเรียนให้มากกว่านี้ และสั่งให้เขาขึ้นเครื่องเพื่อกลับไปยังโรงเรียน


เดาผิดไปนิดว่า Wolverine จะไล่ Gambit ออกเลย แต่ผมว่ายังไงเล่มนี้ Gambit ก็ต้องออกจากกลุ่มนี้ เพื่อเข้าร่วมกับ All-New X-Factor แน่นอน

Avengers World #1


Bruce Banner และ Cap กำลังเดินอยู่ใน Helicarrier และ Banner ก็บอกถึง ขีดขั้นใหม่ของการทำงานร่วมกันระหว่าง Avengers และ Shield ซึ่งแม้แต่ Cap ก็เพิ่งจะเคยได้ยิน และ Banner ก็บอกว่ามันเป็นข่าวสารจากทาง Shield จน Cap ยังประหลาดใจ



Banner ยังบอกต่ออีกว่า มันเป็นแนวทางใหม่ของ Shield โดยหัวหน้าคนใหม่ Maria Hill และเขาก็คิดว่า Cap จะต้องเห็นด้วยแน่ๆ จน Cap ยังงงๆว่าไหงเขาคิดแบบนั้น แต่ Banner ก็ไม่ตอบมาตรงๆ แต่พวกเขาก็มาถึงห้องบังคับการแล้ว



Cap เลยเข้าไปพูดคุยกับ Maria เองเลย ว่าเขาบอกว่าเขาจะหาทางให้ Avengers ทำงานร่วมกับ Shield ได้ดีขึ้น แต่ไม่ใช่ให้เธอใช้พวกเขาเป็นตัวประชาสัมพันธ์ให้กับ Shield แบบนั้น แต่ Maria ก็บอกว่าจะพูดถึงเรื่องนี้ทีหลัง เพราะตอนนี้มันมีภัยพิบัติเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ พร้อมๆกันตั้งแต่เช้า แต่โชคดี...



ที่ Thor, Hyperion, Captain Marvel ได้ตอบรับและเดินทางไปช่วยยังสถานที่เกิดเหตุแล้ว


ในเดือนนี้ จะเริ่มต้นสู่ Wave 2 ของ Marvel ใน All-New Marvel-Now แล้วนะครับ


FOREVER EVIL: ARKHAM WAR #4


Bat-Bane ได้ลงมาหา Talon คนเดียวที่เหลืออยู่... William Cobb บรรพบุรุษของ Dick Grayson และ Bat-Bane ได้ปลุกเขาขึ้นมา เพราะ Gotham ต้องการเขาในตอนนี้


ซึ่ง William ก็ตื่นขึ้นมา และถีบเข้าใส่ Bat-Bane จากนั้น Bat-Bane จึงอธิบายเหตุผลที่เขาต้องการตัว William เพื่อแก้ไขเมืองนี้ให้เป็นไปในทางที่ถูกต้อง


จากนั้น William ก็เข้าร่วมกับ Bat-Bane และถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น Bat-Bane จึงอธิบายว่าตอนนี้่โลกเปลี่ยนไปแล้ว Batman ตาย และพวกหนูของ Arkham ต้องการที่จะควบคุม Gotham ไว้ พร้อมกับ Talon คนอื่นๆที่พวกนั้นพาตัวไป William จึงสวมชุด Talon ของเขาอีกครั้ง เพื่อปลดปล่อยพวกนั้นออกมา


และบัดนี้คู่หูคู่ใหม่เกิดขึ้นอีกครั้ง Bat-Bane และ Talon คู่หูถล่มเมืองได้เกิดขึ้นแล้ว


ตอนแรกผมก็กะอยู่แล้วว่า Talon จะเป็นใคร และก็ตามคาดต้องเป็น William บรรพบุรุษของ Dick ที่วาดฝีมือลายมือในเล่มของ Nightwing ไว้มากมายนั่นเอง

3 comments:

  1. ทำไมปก point one สไปดี้ยังเป็นชุดเก่า หรือว่าเล่าย้อน?

    ReplyDelete
    Replies
    1. จากที่มีในตอนนี้เป็นการเล่าเนื้อหาที่เป็น Peter ใน The Amazing Spider-Man #700.1-.5 แต่นอกเหนือจากนั้นคงจะต้องรอดูต่อไปครับ

      Delete
  2. หัว X เพียบเลยค่ะ

    ฟินนนนนน

    ReplyDelete